แหล่งข่าวรายงานว่า ปัจจุบันผู้ผลิตเหล็กจีนกำลังให้ความสนใจติดตั้งเตาหลอมเหล็กแบบ electric arc furnaces เพิ่มมากขึ้น เนื่องด้วยผู้ผลิตเหล็กมีผลการดำเนินงานดีขึ้นในปีนี้ ประกอบกับเศษเหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตมีราคาถูกลงเนื่องจากมีอุปทานเหลือหลังจากรัฐบาลจีนใช้นโยบายกำจัดเตาหลอมเหล็กแบบ induction furnaces
นาย Shen Wenrong ประธานบริษัท Shagang Group ให้ข้อสังเกตว่าการเพิ่มขึ้นของจำนวนเตา EAF สร้างความกังวลมากกว่าความน่ายินดีสำหรับอุตสาหกรรมเหล็กจีน
ความไม่แน่นอนที่ใหญ่ที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมเหล็กจีนในปีหน้าคือ การเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตเหล็กจากเตา EAF และมีโอกาสประมาณ 20% ที่จะทำให้อุตสาหกรรมเหล็กจีนในปี 2018 ไม่ดีเหมือนปีนี้
ในปี 2018 อุตสาหกรรมเหล็กจีนอาจมีโรงงานผลิตเหล็กจากเตา EAF เพิ่มขึ้นอีกราว 100-200 เตา ซึ่งจะทำให้ยอดผลิตเหล็กดิบของจีนเพิ่มขึ้นประมาณ 20-40 ล้านตัน และอาจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปี 2019
นาย Shen กล่าวว่าปัจจุบันอัตรากำไรต่อตันของผู้ผลิตเหล็กจีนยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 6-7%
หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องควรติดตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนเตาหลอมเหล็ก EAF ที่ติดตั้งใหม่ การขยายกำลังการผลิตเหล็กจากเตา EAF ไม่ได้เป็นเพียงแค่การกระทำที่สวนทางกับนโยบายการลดกำลังการผลิตเหล็กดิบของจีน แต่ยังทำให้ตลาดปั่นป่วนและส่งผลกระทบต่อความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานเหล็กจีนอีกด้วย
ในการวิเคราะห์ตลาดเมื่อเร็วๆนี้ สมาคมเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศจีนออกมาเตือนว่า ด้วยผลกำไรของผู้ผลิตเหล็กที่สูงขึ้นทำให้โรงงานเหล็กบางโรงงานเห็นโอกาสในการลงทุนเตา EAF ใหม่เพื่อทดแทนกำลังการผลิตเหล็กที่หายไป ซึ่งการแสวงหาผลกำไรดังกล่าวจะเป็นอันตรายต่อภาพรวมอุตสาหกรรมเหล็กจีน ถ้านำเอาเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ผิดกฏหมายเข้ามาดำเนินกิจการ
Platts รายงานว่า กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนอาจจะมีการใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในการปิดโอกาสในการลงทุนเตา EAF ใหม่