งานก่อสร้างต้องรอบด้าน ลดความซ้ำซ้อนงานก่อสร้าง ด้วยนวัตกรรม
แม้ว่ากิจการรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทยยังมีลักษณะการใช้แรงงานเข้มข้น แต่กระนั้นการบริหารธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ต้องหมั่นพิจารณาการเพิ่มประสิทธิภาพประสิทธิผลแรงงาน รวมทั้งการแสวงหา คิดค้น สร้างสรรค์ เทคโนโลยี จนถึงนวัตกรรมต่าง ๆ ทั้งทางด้านเทคนิคการก่อสร้าง และการบริหารจัดการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเพื่อประสบความสำเร็จทั้งด้านงานช่างทำงานเสร็จตามเวลาตรงสเปคและด้านธุรกิจ มีผลกำไรที่พึงได้ประเด็นที่ขอกล่าวในที่นี้คือ เรื่องเกี่ยวกับเหล็กเส้นก่อสร้าง
ความชำนาญโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก
สิ่งปลูกสร้างในประเทศไทยนิยมใช้โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก วัสดุก่อสร้างที่เป็นวัสดุโครงสร้างหลัก ๆ คือ เหล็กเสริมคอนกรีต และคอนกรีต (ปูนซิเมนต์ หินและทรายที่ผสมกับปูนซิเมนต์) การเทคอนกรีตในส่วนโครงสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ต้องมีการขึ้นโครงเหล็ก ผูกเหล็ก ดัดเหล็ก ประกอบไม้ใบ และมีการค้ำยัน เมื่อเรียบร้อยแล้วจึงเทคอนกรีตและบ่มคอนกรีตตามระยะเวลาที่กำหนด
ในอดีตการตัดเหล็กให้ได้ความยาวตามต้องการ การดัดเหล็ก ผูกเหล็ก ต่าง ๆ ทำที่หน้างาน แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน แรงงานพื้นฐานขาดแคลน อีกทั้งจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพประสิทธิผลการทำงานให้สูงขึ้นนี่เป็นด้านแรงงาน ทางด้านสถานที่ก่อสร้างบางแห่งคับแคบไม่มีบริเวณกว้างขวางเพียงพอในการกองเหล็ก การตัดและดัดเหล็ก รวมทั้งการดูแลเรื่องเศษเหล็กต่าง ๆ และที่สำคัญคือมีบริการตัดและดัด (Cut and Bend) ตาม Bar Cut List จากโรงงานเหล็กต่าง ๆ จากนั้นจัดส่งถึงหน้างานตามเวลานัดหมาย ตามตารางการทำงานก่อสร้าง วงการอุตสาหกรรมเหล็กเรียกขานบริหารตัดและดัดนี้ว่านวัตกรรม เน้นการบริการใหม่ให้ผู้รับเหมาก่อสร้างให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการก่อสร้าง ประหยัดเวลา และลดต้นทุนรวมในการก่อสร้าง
นอกจากนี้โรงงานเหล็กยังได้ผลิตเหล็กปลอกสำเร็จรูปบรรจุถุงสำเร็จมีขนาดความกว้างยาวต่าง ๆ ตามต้องการ และมีการผลิตเหล็กปลอกด้วยเหล็กเต็ม 6 มิลลิเมตร เพื่อสร้างความแข็งแรงเต็มตามสเปคให้กับโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก บริการตัดและดัด เหล็กปลอกสำเร็จรูปเปิดโอกาสให้กิจการรับเหมาก่อสร้างมีทางเลือกในการบริหารจัดการงานก่อสร้างของตนเองมากขึ้น ใช้นวัตกรรมจากโรงงานเหล็กมาเป็นประโยชน์กับกิจการของตนเอง
ก้าวต่อไปที่น่าสนใจคือ งานก่อสร้างพื้นฐาน เช่น อาคารคอนกรีตเสริมเหล็กที่ใช้เป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นสามารถออกแบบให้มีมาตรฐานร่วมกัน มีขนาดความกว้างยาวของแต่ละห้องแบบเดียวกัน ทางเลือกในการบริหารจัดการงานก่อสร้างย่อมมีมากขึ้น ไม่ว่าการใช้พื้นและผนังสำเร็จรูป หรือการเลือกใช้บริการเหล็กตัดและดัดที่มีความคลาดเคลื่อนของการตัดและดัดน้อยลง หรือไม่มีเลย
การเลือกใช้เหล็กที่เหนียวมากขึ้น
โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นการผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่งของคอนกรีต และความแข็งแรงเหนียวไม่หักเปราะง่ายของเหล็ก เพื่อให้โครงสร้างอาคารมีความแข็งแรง แข็งแกร่ง เหนียวแน่น สามารถรับน้ำหนักบรรทุกจากโครงสร้าง และน้ำหนักจรได้ตามแบบก่อสร้าง
อุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ได้ปูนซิเมนต์ให้เพิ่มความแข็งแกร่ง อุตสาหกรรมเหล็กได้พัฒนาการของเหล็กที่เพิ่มความเหนียว ในกรณีเหล็กเส้นก่อสร้าง มีการผลิตถึงชั้นมาตรฐาน SD 50 ที่มีความเหนียวแข็งแรงกว่า SD40 หมายความว่า เมื่อต้องการความแข็งแรงมีศักยภาพรับน้ำหนักรวมเท่ากันแล้วการใช้เหล็กเส้นก่อสร้างเกรด SD50 ใช้ปริมาณเหล็กน้อยกว่า SD40 และจากการใช้งานจริงสรุปได้ว่าลดปริมาณการใช้เหล็กลงประมาณ 15-20 % อีกทั้งยังมีความสะดวกในการเทคอนกรีต เพราะเมื่อใช้เหล็กชั้น SD50 ทำให้ปริมาณเหล็กลดลง การใช้เหล็ก SD50 ให้ได้ประโยชน์เต็มที่ต้องเริ่มจากความต้องการของเจ้าของโครงการที่กำหนดให้มีการออกแบบโดยใช้เหล็ก SD50 หรือสถาปนิกที่ออกแบบมีความรู้เกี่ยวกับ SD50 และเสนอต่อเจ้าของโครงการ ซึ่งยังเกิดประโยชน์ให้สามารถออกแบบได้ยืดหยุ่นมากขึ้น มีข้อจำกัดจากเรื่องคุณสมบัติการรับน้ำหนักรวมและขนาดของโครงสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้าง เช่น เสาและคานลดลง
นอกจากนี้ในพื้นที่มีความเสียงภัยแผ่นดินไหว หรือการออกแบบสร้างอาคารให้มีความสามารถต้านแรงสั่นสะเทอืนแผ่นดินตามกฎหมายกำหนดหรือตามต้องการนั้นสามารถเลือกใช้เหล็กต้านแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหว SD40 S มาตอบสนองความต้องการได้ เช่น การก่อสร้างในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย เป็นต้น การบริหารกิจการรับเหมาก่อสร้าง จำเป็นต้องติดตามความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่อุตสาหกรรมเหล็กอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์อุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรกลหนักในงานก่อสร้าง อุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับงานระบบ และ อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
การติดตามความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ และนำมาใช้ประโยชน์ย่อมเกื้อหนุนให้กิจการรับเหมาก่อสร้างประสบความสำเร็จ ลดปัญหาต่าง ๆ ทั้งปัญหาเกี่ยวกับช่างก่อสร้าง ปัญหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการ