‘เนคเทค’ มุ่งยกระดับ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในอนาคต
“เนคเทค”ดึงยุทธศาสตร์ชาติ มุ่งวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ชูบทบาทอุตสาหกรรมในอนาคต เร่งขับเคลื่อนแผน 4 ปี จับตา 29 มิ.ย.นี้เตรียมเปิดตัว”ฟาร์ม เทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมด้านการเกษตร”
ดร.ศรัณย์ สัมฤทธิ์เดชขจร ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติหรือ”เนคเทค” เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงความคืบหน้างานวิจัยและพัฒนาของเนคเทคว่า เวลาที่เนคเทคทำการศึกษา วิจัยและพัฒนา จะต้องดูว่านโยบายของประเทศเป็นอย่างไร และกระแสโลกเป็นอย่างไร ต้องยึดนโยบายประเทศเป็นตัวตั้งก่อน โดยแผนยุทธศาสตร์ 4 ปี ระหว่างปี2560-2564 จะประกาศชัดเจนว่าให้ความสำคัญกับ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมที่สำคัญ (อาหารและเกษตร,สุขภาพและการแพทย์,ผลิตและบริการ ,พลังงานและสิ่งแวดล้อม ,การเรียนรู้ตลอดช่วงชีวิต ) ที่ขณะนี้มีความคืบหน้า โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและเกษตร ที่การศึกษาและวิจัยแบ่งเป็น2 เรื่องใหญ่ๆ คือเรื่องบูรณาการข้อมูลจากภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยทำระบบแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุกออนไลน์ (Agri-Map-Online)ระบบแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุกบนสมาร์ทโฟน (Agri-Map Mobile) ที่ทำให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการบูรณาการข้อมูลทั้งหมด เช่น แหล่งบ่อน้ำบาดาลอยู่ที่ไหน ในประเทศว่าปลูกข้าวกี่ไร่ บางแห่งไม่เหมาะต่อการปลูกข้าว เราอาจจะถามระบบต่อได้ว่าถ้าไม่เหมาะกับการปลูกข้าวแล้วควรปลูกอะไร ระบบ Agri-Map จะแนะนำได้ว่าควรปลูก เป็นต้น
นอกจากนี้วันที่ 29 มิถุนายน2560 นี้ เนคเทคจะเปิดตัว ” NECTEC FAARM series : ฟาร์ม เทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมด้านการเกษตร” เป็นระบบที่เกี่ยวกับการเกษตรสมัยใหม่ หรือ Smart Farm เป็นการกำหนดเทคโนโลยีด้านเครื่องมือการเกษตร มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการเกษตร เช่นผู้ผลิต เซ็นเซอร์ วัดอุณหภูมิ ที่สามารถนำเทคโนโลยีในไทยโดย เนคเทค นำไปพัฒนาผลิตเพื่อจำหน่ายให้ภาคเกษตรได้
ส่วนอุตสาหกรรมสุขภาพ และการแพทย์ เนคเทคมีแพลทฟร์อม ULIFE ที่จะช่วยเก็บข้อมูลตลอดช่วงชีวิต ยกตัวอย่าง เช่น แม่ตั้งครรภ์ลูก ก็ต้องมีการตรวจสุขภาพเด็ก บันทึกว่ามีพัฒนาการอย่างไรบ้าง โดยผ่านแอฟบลิเคชั่น Z-BABY โหลดแอฟฯในโทรศัพท์ เพื่อดูแลสุขภาพครรภ์เป็นระยะด้วยตัวเอง หลังจากนั้นพอลูกคลอดออกมาก็จะมีแอฟบลิเคชั่น KID DAIRY เป็นแอฟบลิเคชั่น สำหรับติดตามพัฒนาการเติบโตของเด็ก และการให้วัคซีน ติดตามพัฒนาการตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 18 ปี รวมถึงแอฟบลิเคชั่นMOOM MAE เพื่อบันทึกการให้นมบุตรด้วยตัวเอง โดยบันทึกข้อมูลผ่านแอฟฯ จากเดิมบันทึกลงกระดาษ
“ทั้ง3แอฟฯนี้เนคเทคเปิดมาตั้งแต่ปี2558ถึงปัจจุบันเสียงตอบรับออกมาดีดูจากยอดใช้แอฟฯและข้อมูลที่ได้จากแอฟฯเหล่านี้ โดยส่วนหนึ่งของข้อมูลนี้กระทรวงสาธารณะสุขสามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลดูแลสุขภาพเด็กได้
สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตและบริการ สิ่งที่เนคเทคทำคือ แฟลตฟอร์ม IoT ที่ชื่อว่า NETPIE โดยแฟลตฟอร์มนี้สามารถใช้ได้กับทุกอุตสาหกรรมไม่ว่า จะเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เช่น
ภาคอุตสาหกรรมจะมีเครื่องจักรระบบเดิม แต่ยังใช้งานได้ มีเรื่องของพลังงาน มีเรื่องประสิทธิภาพประสิทธิผลจากกระบวนการผลิต 3 เรื่องนี้เป็นโจทย์ที่เกิดขึ้นกับทุกโรงงาน เราจะทำอย่างไรให้มีระบบที่ฉลาดขึ้นโดยที่ไม่ต้องซื้อเครื่องจักรใหม่ โดยประหยัดค่าใช้จ่ายมากที่สุด วิธีการคือ เราต้องติดเซ็นเซอร์ที่เครื่องจักรเดิม เช่น เซ็นเซอร์วัดกระแสไฟฟ้า เซ็นเซอร์วัดการไหลของระบบหล่อเย็นเครื่องจักร พอเราติดเซ็นเซอร์ไว้ เราจะได้ข้อมูลที่วิ่งผ่าน NETPIE แสดงผลบนหน้าจอหรือในคอมพิวเตอร์ของเรา เมื่อเรารู้ข้อมูลจะสามารถวางแผนการดูแลเครื่องจักรได้ ถ้าเครื่องจักรเก่า ก็จะได้วางแผนบำรุงรักษาเครื่องจักรได้ หรือ ถ้าใช้ไฟฟ้ามาก ก็จะสั่งการให้เครื่องจักรชะลอการใช้งาน เพื่อวางแผนบำรุงรักษาเครื่องจักรให้ดีขึ้นและลดการใช้พลังงาน ทำให้กระบวนการทำงานโดยรวมดีขึ้น
ผู้อำนวยการเนคเทค กล่าวอีกว่าในส่วนของพลังงานและสิ่งแวดล้อม เมื่อเร็วๆนี้เนคเทคได้ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.)ในการติดตั้งระบบดูแลสุขภาพเขื่อน 14 แห่งทั่วประเทศ พร้อมกับติดตั้งระบบผู้เชี่ยวชาญ เพราะ1 เขื่อนจะต้องรู้ว่ามีความแข็งแรงแค่ไหน ถ้าเกิดแผ่นดินไหว ภัยธรรมชาติ จะต้องรู้ว่าสุขภาพเขื่อนเป็นอย่างไร จะต้องดูแลอย่างไร โดยติดเซ็นเซอร์เพื่อดูแลความแข็งแรงของเขื่อน ข้อมูลตรงนี้จะถูกนำไปประมวลผลเพื่อวิเคราะห์ว่าสุขภาของเขื่อนเป็นอย่างไร และนำเข้าสู่ระบบผู้เชี่ยวชาญ (EXPERT SYSTEM:ES) เพื่อให้คำแนะนำกับเจ้าหน้าที่ในการดูแลรักษา
Cr : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ