โดย saweang | ส.ค. 27, 2020 | บทความเกี่ยวกับเหล็ก
ปัจจุบันวงการอุตสาหกรรมการก่อสร้างของไทย มีแนวโน้มการเลือกใช้เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการก่อสร้างอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เหล็กเอชบีม SM520 ในรูปแบบของ เหล็กกล้ากำลังสูง (High Strength Steel) มีคุณสมบัติการรับแรงดึงที่สูงขึ้น(High Yield Strength) สามารถลดปริมาณการใช้เหล็กลงได้ ทั้งยังช่วยลดต้นทุนการก่อสร้างลงจึงได้ถือกำเนิดขึ้นและกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้
SM520 เหล็กกล้ากำลังสูง (High Strength Steel) คือเหล็กกล้าคุณภาพสูงที่วงการอุตสาหกรรมก่อสร้างค้นคว้าวิจัยและพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่องจนได้เหล็กคุณภาพสูงในขั้นตอนการผลิตเหล็ก SM520 นั้นต้องควบคุมส่วนผสมทางเคมีอย่างเข้มงวด เพื่อให้ได้เหล็กโครงสร้างที่มีกำลังรับแรงดึงที่สูงขึ้น (High Yield Strength) มีความสามารถในการเชื่อมได้ดี (Good Weldability) ทั้งยังคงคุณสมบัติความเหนียวในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิต่ำ (Toughness at low temperature) ได้อีกด้วย
เหล็ก SM520 ที่ได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) หรือ TIS ต้องมีคุณสมบัติเหล็กดังต่อไปนี้
1. ส่วนประกอบทางเคมีของเหล็ก SM520 (คิดเป็นร้อยละโดยน้ำหนัก)
- คาร์บอนสูงสุด 0.20%
- ซิลิคอนสูงสุด 0.55%
- แมงกานีสสูงสุด 1.60%
- ฟอสฟอรัสสูงสุด 0.035%
- กำมะถันสูงสุด 0.035%
2. คุณสมบัติของเหล็กเส้นตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.)
- เหล็กเอชบีม SM520 มาตรฐาน มอก.1227-2539
- เหล็กเอชบีม SM520 มีความต้านทานแรงดึงที่จุดครากอยู่ ( Yield Strength ) ที่ 3600 ksc.
- เหล็กเอชบีม SM520 สามารถ ความต้านแรงดึง 520-640 MPa
- เหล็กเอชบีม SM520 สามารถ ความต้านการกระแทกต่ำสุด 27 จูล
- เหล็กเอชบีม SM520 สามารถด้านแรงดึงที่จุดครากต่ำสุด 355-365 MPa
การตรวจสอบคุณภาพเหล็ก SM520
| ชั้นคุณภาพ |
ความต้านทานแรงดึงที่จุดคราก ( Yield Strength ) ต่ำสุด |
ความต้านทานแรงดึงที่จุดสูงสุด ( Ultimate Strength ) |
ความยืดต่ำสุด |
ความต้านทานการกระแทก |
| ความหนาไม่เกิน 16 มม. |
ความหนาเกิน 16 มม. |
ความหนาไม่เกิน 5มม. |
ความหนาเกิน 5- 16 มม. |
ความหนาเกิน 16 มม. |
| SM520 |
365 MPa |
355 MPa |
520 – 640 MPa |
19% |
15% |
19% |
27 J |

เหล็กเอชบีม SM520 นั้นคือเหล็กชั้นคุณภาพตัวใหม่ของวงการก่อสร้าง แน่นอนว่ามีคุณสมบัติที่ดีกว่าเหล็กเอชบีมที่มีมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะ เหล็กเอชบีม SS400 ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน แต่เหล็กเอชบีม SM520 มีความโดดเด่นกว่า คุณสมบัติโดดเด่นที่เห็นได้ชัดก็คือน้ำหนักเบา ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดต้นทุนได้มากกว่า และยังช่วยย่นระยะเวลาการก่อสร้างได้ด้วย ดังนี้
1. เหล็กเอชบีม SM520 มีน้ำหนักเบา ช่วยลดต้นทุนได้มากกว่าเหล็กเอชบีม SS400
เหล็กเอชบีม SM520 นั้นมีหน้าตัดที่เล็กกว่าเมื่อรับน้ำหนักโครงสร้างที่เท่ากับเหล็กเอชบีม SS400 จึงทำให้ปริมาณการใช้เหล็กของโครงการรวมเบากว่าซึ่งคุณสมบัติข้อนี้เองทำให้ประหยัดค่าขนส่ง, ค่าติดตั้ง, ค่าแรง, ค่าแปรรูป รวมไปถึงต้นทุนที่ใช้ในระบบป้องกันอัคคีภัย (Fire Protection) ซึ่งต้นทุนเหล่านี้รวมกันได้สูงสุด 20%
2. เหล็กเอชบีม SM520 ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้มากกว่าเหล็กเอชบีม SS400
เนื่องจากโครงสร้างเหล็กเอชบีม SM520 มีขนาดทั้งความกว้าง ความยาว ความหนาลดลง ทำให้พื้นที่ต่างๆ ที่มีโครงสร้างเหล็ก SM520 ดูโล่งโปร่งตามากขึ้น เช่น ช่วยให้คานเล็กลง ทำให้ระยะห่างระหว่างคานและเพดานสูงขึ้น เสาต้นเล็กลง ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น หรือโครงสร้างหลังคาที่ทำจากเหล็ก SM520 ก็เล็กลงจึงช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของด้านบนได้มากขึ้น
3. ประหยัดเวลาในการก่อสร้างได้มากกว่าเหล็กเอชบีม SS400
โครงสร้างเหล็กเอชบีม SM520 มีขนาดทั้งความกว้าง ความยาว ความหนาลดลงช่วยให้ระยะเวลาในการเชื่อมเหล็ก ขึ้นรูปเหล็ก (Fabrication), ขัดผิวเหล็ก ทา สีกันสนิม สีกันไฟ นั้นลดลงตามไปด้วย เช่นเดียวกับขั้นตอนการติดตั้ง (Erection) การยกเหล็กขึ้นลงโดยใช้เครน ก็ลดลงไปด้วย
4. สร้างสรรค์ผลงานได้หลากหลายกว่าเหล็กเอชบีม SS400
งานโครงสร้างที่ต้องการออกแบบ Long Span หรือ Cantilever ที่โครงสร้างต้องรับน้ำหนักตัวเองอย่างมาก (Self-Weight) เหล็ก SM520 ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าจะช่วยให้สถาปนิกออกแบบโครงสร้างอาคารได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น

จะเห็นได้ว่าเหล็กเอชบีม SM520 เป็นเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนที่มีคุณสมบัติเพรียบพร้อม เหมาะที่จะใช้ในงานก่อสร้างต่างๆ ที่มีความหลากหลาย ทั้งยังช่วยประหยัดงบประมาณทั้งต้นทุนการก่อสร้าง ค่าแรง ค่าขนส่ง และยังช่วยให้โครงสร้างอาคารโล่งโปร่งมากขึ้นอีกด้วย เหล็กเอชบีม SM520 เป็นเหล็กที่ได้รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) มอก.1227-2539 รับรองได้ว่าคุณจะได้เหล็กชั้นคุณภาพในราคาประหยัด แต่ช่วยให้งานก่อสร้างเสร็จอย่างรวดเร็วและประหยัดต้นทุนลงถึง 41%
ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.hbeamconnect.com
โดย saweang | ส.ค. 25, 2020 | บทความเกี่ยวกับเหล็ก
วิศวกรหลายๆคนอาจจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับ การเลือกใช้งาน เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ว่าห้ามใช้ ค่ากำลังคราก ( Yieid Strength ) ไม่เกิน 240 เมกาปาสกาล (2,400 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร) ในการออกแบบอาคารโครงสร้างเหล็ก ซึ่งขัดแย้งกับ มาตรฐาน มอก 1227 – 2558 และ มอก เหล็กรูปพรรณ ฉบับอื่นๆ ว่า ผู้ผลิตสามารถผลิตเหล็กได้หลากหลาย ชั้นคุณภาพ อาทิเช่น
SS400 มาตรฐานระบุ กำลังครากไม่น้อยกว่า 245 เมกาปาสกาล (ประมาณ 2,400 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร)
SM520 มาตรฐานระบุ กำลังครากไม่น้อยกว่า 365 เมกาปาสกาล (ประมาณ 3,600 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร)
SS540 มาตรฐานระบุ กำลังครากไม่น้อยกว่า 400 เมกาปาสกาล (ประมาณ 4,000 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร)
แท้จริงแล้ว ข้อจำกัดในการ คำนวณออกแบบรับแรงของเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ว่า ห้ามใช้ ค่ากำลังคราก ( Yieid Strength ) ไม่เกิน 240 เมกาปาสกาล (2,400 กิโลกรัมแรงต่อตารางเซนติเมตร) อ้างอิงตาม “กฎกระทรวง ฉบับที่ 6 ( พ.ศ.2527 ) ออกตามความใน พรบ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ข้อ 13” นั้นหมายถึงแค่ “ในกรณีที่ไม่มีผลการทดสอบกำลัง” หมายความว่า หากเหล็กโครงสร้างรูปพรรณนั้นๆ มีเอกสารรับรองการผลทดสอบจากผู้ผลิต ( Mill Inspection Certificate ) ที่ได้รับใบอนุญาตผลิตตาม มาตรฐาน มอก. แล้ว ก็สามารถออกแบบใช้งานได้ตามค่ากำลังคราก ( Yieid Strength ) ของเหล็กตามชั้นคุณภาพนั้นตามที่ระบุไว้ตาม เอกสารรับรองการผลทดสอบ
กล่าวโดยสรุป เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน กำลังสูง SM520 ที่มีค่ากำลังคราก Source : กฏกระทรวง ฉบับที่ 6 พ.ศ.2527 (ออกตามฯ พรบ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522) ข้อที่ 13


กฎกระทรวง ฉบับที่ 6 พ.ศ.2527 (ออกตามฯ พรบ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522) ข้อที่ 13
เมื่อมีการเปรียบเทียบโครงสร้างเหล็กทั่วไปอย่าง SS400 กับ เหล็กกล้ากำลังสูง SM520 ซึ่งทำให้เห็นชัดเจนขึ้นถึงความคุ้มค่าที่จะได้ต่อโครงการ ทั้งการออกแบบและก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ
1. ช่วยลดต้นทุนได้มากกว่า ช่วยลดค่าขนส่ง และ Fire Protection รวมกันสูงสุดถึง 20%
2. ลดเวลาและต้นทุนงานฐานราก เมื่อมีการใช้ SM520 นอกจากจะทำให้น้ำหนักของโครงสร้างเสา คาน และโครงหลังคา เบาลง ซึ่งน้ำหนักที่เบาลงนี้ ยังส่งผลโดยตรงถึงการช่วยลดขนาดฐานราก และจำนวนเสาเข็มในงานก่อสร้างโครงสร้างด้วย
3. สร้างงานออกแบบได้หลากหลายกว่า งานโครงสร้างที่ต้องการออกแบบ Long Span หรือ Cantilever เหล็ก SM520 จะช่วยให้สถาปนิก วิศวกร ออกแบบโครงสร้างอาคารได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น
4. เพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้มากกว่า เสาเล็กลง ทำให้ดูมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขึ้น คานเล็กลง – ทำให้มีระยะ Celling Height เพิ่มขึ้น มีผลให้อาคารโปร่งโล่ง ดูกว้างมากยิ่งขึ้น
5. ติดตั้งง่ายกว่า ใช้เวลาน้อยกว่า ในขั้นตอนการติดตั้ง นั้น SM520 จะมีน้ำหนักโครงสร้างที่น้อยกว่า SS400 จึงสะดวกในการใช้ Crane ยกติดตั้ง หรือใช้กำลังของ Crane น้อยลงได้ และลดจำนวนรอบในการขนส่งได้อีกด้วย
SM520 เหล็กกล้ากำลังสูง คือโครงสร้างที่สามารถให้ความคุ้มค่าที่มากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับเหล็กโครงสร้างทั่วไปช่วยลดต้นทุนการก่อสร้าง รวมไปถึงยังสามารถลดขนาดของโครงสร้างเสา คาน และโครงหลังคาที่ส่งผลต่อการติดตั้งและการออกแบบ จึงไม่แปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใด SM520 จึงเป็นที่นิยมกันอย่างมากในวงการออกแบบและก่อสร้าง
ขอบคุณข้อมูลจากhttps://www.hbeamconnect.com
โดย saweang | ส.ค. 14, 2020 | บทความเกี่ยวกับเหล็ก
สูตรการคำนวณน้ำหนักเหล็ก |
| 1 |
เหล็กแผ่น 4x 8 |
นน. = หนา mm. x 23.34 |
|
|
|
| 2 |
เหล็กแผ่น 5 x 10 |
นน. = หนา mm. x 36.5 |
|
|
|
| 3 |
เหล็กแผ่นตัดเหลี่ยม |
นน. = หนา mm. x กว้าง cm x ยาว cm x 0.000785 |
|
|
|
| 4 |
เหล็กตัดสามเหลี่ยม |
นน. = (หนา mm. x ฐาน cm x สูง cm) /2 x 0.000785 |
|
|
|
| 5 |
เหล็กตัดกลม |
นน. = หนา mm. x รัศมี cm x รัศมี cm x 0.00247 |
|
|
|
| 6 |
เหล็กตัดวงแหวน |
นน. = (R2 -r2) x หนา mm.x 0.00247 |
|
|
|
| 7 |
หล็กแบน |
นน. = กว้าง mm x หนา mm. x 0.0471 |
|
|
|
| 8 |
เหล็กฉากพับ |
นน. = [(A + B) -(2 x หนา mm)] x หนา mm. x 0.0471 |
|
|
|
| 9 |
เหล็กตัวยู |
นน. = [(A + 2B) -(4 x หนา mm)] x หนา mm. x 0.0471 |
|
|
|
| 10 |
เหล็กตัวซี |
นน. = [(A +2B+2C) -(8 x หนา mm)] x หนา mm. x 0.0471 |
|
|
|
| 11 |
เหล็กเพลา, เส้นกลม |
นน. = วงนอก2 mm x 0.006167 x ยาว m. |
|
|
|
| 12 |
เหล็กท่อหนา |
นน. = (วงนอก2 mm -วงใน2 mm) x 0.006167 x ยาว m. |
|
|
|
| 13 |
เหล็กหกเหลี่ยม |
นน. = ขนาด (ซม.) x ขนาด (ซม.) x ความยาว (ซม.) x 0.0068 = น้ำหนัก (กก.) |
|
|
|
| 14 |
เหล็กแปดเหลี่ยม |
นน. = ขนาด (ซม.) x ขนาด (ซม.) x ความยาว (ซม.) x 0.0065 = น้ำหนัก (กก.) |
|
|
|
| 15 |
เหล็กสี่เหลี่ยม |
ขนาด (ซม.) x ขนาด (ซม.) x ความยาว (ซม.) x 0.0079 = น้ำหนัก (กก.) |
|
|
|
โดย saweang | ส.ค. 10, 2020 | บทความเกี่ยวกับเหล็ก
เหล็กแผ่นลาย Steel Checkered Plate
| ความหนา |
น้ำหนัก kg |
| 4′ * 8′ |
5′ * 10′ |
| 2.00 |
mm |
52.00 |
81.00 |
| 2.30 |
mm |
59.00 |
92.00 |
| 2.60 |
mm |
66.00 |
103.00 |
| 2.80 |
mm |
71.00 |
110.00 |
| 3.00 |
mm |
75.00 |
118.00 |
| 3.20 |
mm |
80.00 |
125.00 |
| 4.00 |
mm |
99.00 |
154.00 |
| 4.30 |
mm |
105.00 |
165.00 |
| 4.50 |
mm |
111.00 |
173.00 |
| 5.80 |
mm |
140.00 |
220.00 |
| 6.00 |
mm |
146.00 |
227.00 |
| 8.00 |
mm |
192.00 |
300.00 |
| 9.00 |
mm |
216.00 |
337.00 |
| 10.00 |
mm |
239.00 |
373.00 |
| 12.00 |
mm |
286.00 |
446.00 |
ตารางเหล็กแผ่นลายบอกถึงปริมาณ ขนาดหน้าตัด และน้ำหนัก ความหนาที่ทำให้วิศกรหรือผู้รับเหมาได้นำตัวเลขในตารางไปใช้ในการคำนวณโครงสร้างหรือคำนวณน้ำหนักต่อพื้นที่ได้ เพื่อความสะดวกสบายเวลาจะใช้งาน
เหล็กแผ่นลาย เหล็กหน้าลาย

สูตรคำนวณน้ำหนักเหล็กแผ่นแผ่นมาตรฐาน
|
ขนาด 4′ x 8′ |
| น้ำหนัก (kg.) = หนา (mm.) x 23.36 |
| |
ตัวอย่าง |
|
| |
เหล็กแผ่นขนาด 4′ x 8′ x 1.2 mm. |
|
|
น้ำหนัก = 1.2 x 23.36 = 28.03 kg. |
|
| |
เหล็กแผ่นขนาด 4′ x 8′ x 6.0 mm. |
|
|
น้ำหนัก = 6.0 x 23.36 = 140.16 kg. |
|
|
ขนาด 5′ x 10′ |
| น้ำหนัก (kg.) = หนา (mm.) x 36.50 |
| |
ตัวอย่าง |
|
| |
เหล็กแผ่นขนาด 5′ x 10′ x 2.0 mm. |
|
|
น้ำหนัก = 2.0 x 36.50 = 73.00 kg. |
|
| |
เหล็กแผ่นขนาด 5′ x 10′ x 12.0 mm. |
|
|
น้ำหนัก = 12.0 x 36.50 = 438.00 kg. |
|
|
ขนาด 5′ x 20′ |
| น้ำหนัก (kg.) = หนา (mm.) x 73.00 |
| |
ตัวอย่าง |
|
| |
เหล็กแผ่นขนาด 5′ x 20′ x 4.5 mm. |
|
|
น้ำหนัก = 4.5 x 73.00 = 328.50 kg. |
|
| |
เหล็กแผ่นขนาด 5′ x 20′ x 20.0 mm. |
|
|
น้ำหนัก = 20.0 x 73.00 = 1460.00 kg. |
|
หมายเหตุ : ตัวคูณในสูตรคำนวณน้ำหนักเหล็กได้จาก กว้าง(ฟุต) x ยาว(ฟุต) x 0.73(ความถ่วงจำเพาะเหล็ก)
ยกตัวอย่าง : 4′ x 8′ x 0.73 = 23.36 5′ x 10′ x 0.73 = 36.50
| สูตรคำนวณน้ำหนักเหล็กแผ่นตัดตามขนาด |
| น้ำหนัก (kg.) = หนา (mm.) x กว้าง (mm.) x ยาว (mm.) x 0.00785 ÷ 1000 |

| ความหนา 6.0 mm. |
| ตัวอย่าง |
| น้ำหนัก = 6 x 500 x 950 x 0.00785 ÷1000 = 22.37 kg. |

| ความหนา 2.0 mm. |
| ตัวอย่าง |
| น้ำหนัก = 2 x 300 x 350 x 0.00785 ÷1000 = 1.41 kg. |
โดย saweang | ส.ค. 10, 2020 | บทความบ้านๆๆ, บทความเกี่ยวกับเหล็ก
เหล็กแผ่นลาย (Checkered Plate)
เหล็กแผ่นลาย เหล็กแผ่นลายตีนไก่-ตีนเป็ดหรือที่เรียกว่า Checkered Plate เป็นชนิดหนึ่งของเหล็กแผ่น ลักษณะนั้น มีพื้นผิวเป็นลวดลายนูน เพื่อป้องกันการลื่นและน้ำขังเหมาะสำหรับการใช้ปูพื้นทางเดินและบันได พื้นรถบรรทุก และทนต่อแรงเสียดทานได้ดีกว่าเหล็กแผ่นดำ เกรดที่เราจัดจำหน่ายอย่างเป็นที่นิยมคือ SS400

เหล็กแผ่นลาย เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- เหล็กแผ่น ลาย ลายตีนไก่-ตีนเป็ดคืออะไร แบ่งเป็นกี่ประเภท
- ขนาดของเหล็กแผ่นลาย
- ประโยชน์ของเหล็กแผ่นลายที่มีต่องานก่อสร้าง
- การบำรุงรักษาและข้อควรระวัง สำหรับแผ่นลาย
- สรุป เหล็กแผ่นลายกันลื่น ข้อดี อย่างไรบ้าง และใช้ในงานก่อสร้างอะไรบ้าง
เหล็ก แผ่นลาย ลายตีนไก่-ตีนเป็ดคืออะไร แบ่งเป็นกี่ประเภท
- เหล็กแผ่น ลาย ลักษณะเป็นเหล็กแผ่น ปั้มลาย ซึ่งก็มีลวดลายต่างกันออกไป ช่างส่วนใหญ่นิยมเรียกเหล็กแผ่นลายตีนไก่,เหล็กแผ่นลายตีนเป็ด,เหล็กลายดอก ก็คือเหล็กที่ผ่านกรรมวิธีรีดร้อน โดยทำให้เกิดลายในเวลาที่ยังร้อน จากนั้นก็นำไปผ่านน้ำเพื่อลดอุณหภูมิ เราเรียกวิธีนี้ว่าการหล่อเย็น แผ่นเหล็กจะเกิดรอยนูนคล้ายๆเม็ดข้าว
- เหล็กถูกปั้มเป็นลวดลายที่สวยงาม ผิวสัมผัสของแผ่นโลหะที่นูนขึ้นและบุบลง มีความฝืด หรือความเสียดทานสูง มีความแข็งแรงและกันลื่นได้เป็นอย่างดีสามารถนำไปใช้ เช่นเป็นพื้นทางเดินกันลื่น พื้นบัน ปูพื้นห้อง แต่ตกแต่งผนังในบ้าน โรงงาน และอื่นๆ
- ความหนาที่เป็นที่นิยมคือ 2.3 มิลลิเมตร ไปจนถึง 9 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นความหนาที่ได้รับมาตรฐาน
ประเภทของแผ่นเหล็กลายตีนไก่ เหล็กแผ่นลาย
2 ประเภท คือแบบ หลังเรียบ และ หลังเว้า (แบบนูน)

- เหล็กแผ่นลายแบบหลังเรียบ คือเหล็กแผ่นลายที่ผลิตด้วยวิธีการหล่อเหล็กแท่งแบนที่เรียกว่า Slab เข้าบล็อกตามลายที่ต้องการ จึงทำให้เหล็กแผ่นลายที่ออกมามีลักษณะหลังเรียบทั้งแผ่น

- เหล็กแผ่นลาย หลังเว้า คือเหล็กแท่งรีดร้อนบนแม่พิมพ์ลายนูนตามแบบที่ต้องการ จากนั้นหล่อเย็น ก็จะได้เหล็กแผ่นลายที่ด้านหลังมีรอยเว้าตามลายนูนด้านหน้า
- โดยหลังเว้า ลายที่นิยมที่สุดคือลายตีนเป็ด (5ขีดติดกัน) กับลายตีนไก่(1ขีดไข้วกันไปมา) และที่กำลังนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆคือลายปุ่มเล็กๆ
ขนาดของเหล็กแผ่นลาย เหล็กลายตีนไก่
ขนาดของเหล็กแผ่นลายที่เป็นที่นิยม คือ 4×8 ฟุต และ 5×10 ฟุต

| ความหนา |
น้ำหนัก (kg.) |
| (mm.) |
4’x 8′ |
5’x10′ |
5 ’x20′ |
|
(1219x/2438m m.) |
(1524x3048mm.) |
(1524x6096m m.) |
| 2 |
52 |
|
|
| 3 |
75 |
118 |
236 |
| 4 |
98 |
154 |
308 |
| 4.5 |
110 |
172 |
344 |
| 6 |
145 |
227 |
454 |
| 9 |
215 |
335 |
– |
ประโยชน์ของเหล็กแผ่นลาย เหล็กแผ่นลายตาไก่ ที่มีต่องานก่อสร้าง
- เหล็กลายตีนไก่เหมาะสำหรับการใช้ปูพื้นทางเดินและบันได พื้นรถบรรทุก และทนต่อแรงเสียดทานได้ดีกว่าเหล็กแผ่นดำ
- นิยมนำไปใช้ทำพื้นรถยนต์ บันได พื้นบันได พื้นรถ หรือพื้นโรงงานที่กันลื่น ตามสำนักงาน ออฟฟิศ เหมาะกับงานที่ต้องการความคงทนผ่านการเหยียบย่ำได้ดี ทนต่อแรงเสียดทาน ลายนูนคล้ายเม็ดข้าว ป้องกันการลื่น และน้ำขัง
- สามารถนำมาตกแต่งทำเป็นรั้วบ้านได้ หรือ ฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เช่น โต๊ะ,ชั้นวางอ่างล้างหน้า,เก้าอี้นั่ง เป็นต้น บ้านจะออกมา สไตล์ลอฟท์ ในแบบของตัวเอง
- สามารถใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงหน้าร้าน ธนาคาร เช่น ใช้ปูพื้นกันลื่น บุผนังห้องเย็น ทำขั้นบันได พื้นที่ต้องสัมผัสสารเคมี เป็นต้น
การบำรุงรักษาและข้อควรระวัง สำหรับแผ่นลาย
- ควรหมั่นตรวจสอบเป็นประจำหากมีการชำรุดควรซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ทันที
- ต้องเก็บให้พ้นจากมือเด็ก
- โปรดใช้อย่างระมัดระวังและควรเลือกขนาดให้เหมาะสมต่อการใช้งาน ศึกษาและสอบถามพนักงานขายหน้าร้านก่อนเพื่อให้ได้เหล็กตรงสเปคที่ต้องการ
- เมื่อใช้งานเสร็จควรเก็บให้เรียบร้อยและเก็บให้ห่างจากเปลวไฟ
สรุป เหล็กแผ่นลายกันลื่น ข้อดี อย่างไรบ้าง และใช้ในงานก่อสร้างอะไรบ้าง
- เหล็ก แผ่นลาย ลักษณะเป็นเหล็กแผ่น ปั้มลาย นิยมเรียกเหล็กแผ่นลายตีนไก่,เหล็กแผ่นลายตีนเป็ด,เหล็กลายดอก ขนาดของเหล็กแผ่นลายที่เป็นที่นิยมขาย คือ 4×8 ฟุต และ 5×10 ฟุต เหมาะสำหรับการใช้ปูพื้นทางเดินและบันได งานที่ต้องการความคงทนผ่านการเหยียบย่ำได้ดี หรือ สามารถนำมาตกแต่งเป็นฟอร์นิเจอร์ได้
- แผ่นเหล็กต้องได้รับมารตฐาน JIS G3101-1995/DIN/ASTM เกรดที่เลคก้าจัดจำหน่ายคือ SS400 ถึงจะสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ โดยเหล็กแผ่นลายจะสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย
- เหล็กที่เป็นที่นิยม สำหรับหลังเว้า คือ ลายที่นิยมที่สุดคือลายตีนเป็ด(5ขีดติดกัน) กับลายตีนไก่(1ขีดไข้วกันไปมา) และที่กำลังนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆคือลายปุ่มเล็กๆ
- ความหนาที่เป็นที่นิยมคือ 2.3 มิลลิเมตร ไปจนถึง 9 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นความหนาที่ได้รับมาตรฐาน
- เหล็กลายตีนไก่เหมาะสำหรับการใช้ปูพื้นทางเดินและบันได พื้นรถบรรทุก และทนต่อแรงเสียดทานได้ดีกว่าเหล็กแผ่นดำ
- นิยมนำไปใช้ทำพื้นรถยนต์ บันได พื้นบันได พื้นรถ หรือพื้นโรงงานที่กันลื่น ตามสำนักงาน ออฟฟิศ เหมาะกับงานที่ต้องการความคงทนผ่านการเหยียบย่ำได้ดี ทนต่อแรงเสียดทาน ลายนูนคล้ายเม็ดข้าว ป้องกันการลื่น และน้ำขัง
- สามารถนำมาตกแต่งทำเป็นรั้วบ้านได้ หรือ ฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เช่น โต๊ะ,ชั้นวางอ่างล้างหน้า,เก้าอี้นั่ง เป็นต้น บ้านจะออกมา สไตล์ลอฟท์ ในแบบของตัวเอง
- โปรดใช้อย่างระมัดระวังและควรเลือกขนาดให้เหมาะสมต่อการใช้งาน ศึกษาและสอบถามพนักงานขายหน้าร้านก่อนเพื่อให้ได้เหล็กตรงสเปคที่ต้องการ
โดย saweang | ส.ค. 4, 2020 | บทความบ้านๆๆ, บทความเกี่ยวกับเหล็ก
หล็กฉากคืออะไร (What is the angle bar?) สาระความรู้เกียวกับเหล็กฉาก
เหล็กฉาก (Angle Bar) คือ เหล็กที่ผลิตตามมาตรฐาน มอก.1227-2539 จากโรงงานภายในประเทศที่ได้มาตรฐาน มีรูปทรงตัวแอล ซึ่งเกิดจากการรีดร้อนของเหล็กคุณภาพสูง โดยวิศวกร ออกแบบให้ เหล็กฉาก เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในโครงสร้างงานเหล็ก และจัดอยู่ในประเภทเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ใช้ในการทำโครงสร้างอาทิ โรงงานอุตสาหกรรม โครงหลังคาโรงงาน เป็นต้น

นอกจากนี้แล้วหากเป็น เหล็กฉาก ขนาดใหญ่จะใช้ทำเสาโครงสร้าง หากเป็นเหล็กฉากขนาดเล็ก อาจใช้ทำโครงสร้างเบาะของรถโดยสาร เป็นต้น
เหล็กฉาก หากได้มาตรฐานและคุณภาพดีนั้น ฉากต้องตั้งตรง 90 องศา น้ำหนักจะต้องมีค่า +/- ไม่เกิน 3% จากสเปกที่กำหนดไว้ เนื้อเรียบ มีความยืดหยุ่น และต้องมีด้านเท่ากันทั้งสองด้าน และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องมีใบรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม หรือ มอก. กำกับไว้อย่างชัดเจน สามารถตรวจสอบราคาได้ที่นี่ ราคาเหล็กฉาก
เหล็กฉาก จะมีขนาดตั้งแต่ 1 นิ้ว ไปจนถึง 6 นิ้ว และมีความหนาตั้งแต่ 3 มิลลิเมตร ไปจนถึง 35 มิลลิเมตร