โดย saweang | ม.ค. 30, 2020 | ข่าวสาร, บทความเกี่ยวกับเหล็ก
ลังจากพบผู้ป่วยปอดอักเสบ จากไวรัสโคโรน่า เมื่อวันสิ้นปี 2562 จนถึงนาทีนี้ ยังพบการระบาดไม่หยุด และแนวโน้มรุนแรงขึ้น
มี 10 ข้อแนะนำจากองค์การอนามัยโลก และกรมควบคุมโรค ที่ทำได้ไม่ยุ่งยาก
1.ถ้ามีแผนไปประเทศที่โรคระบาดอยู่ ถ้าไม่จำเป็น ให้เลื่อนการเดินทางออกไปก่อน
2.หลีกเลี่ยงสัมผัสสัตว์ ตลาดค้าสัตว์ หรือสินค้าจากสัตว์ เพราะการพบผู้ติดเชื้อกลุ่มแรก มาจากสัตว์สู่คน ที่ตลาดค้าอาหารทะเล และค้าสัตว์ที่เมืองอู่ฮั่น
3.ไม่เอาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่คนหนาแน่น
4.ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้มีอาการทางเดินหายใจ หรือมีอาการเป็นหวัด
5.หากกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง ถ้าเริ่ม มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้รีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง
6.โทรแจ้งสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 เพื่อให้รถจากสถานพยาบาลมารับทันที
7.อยู่ห่างจากคนที่ไอหรือจาม 180 เซนติเมตร เพื่อให้พ้นจากรัศมีน้ำลาย และน้ำมูกที่จะกระจายออกมา
8.ล้างมือด้วยน้ำ และสบู่ อย่างน้อย 20 วินาที หรือใช้เจลล้างมือหรือแอลกอฮอล์
9.กินร้อน ช้อนกลาง อาหารปรุงสุก พักผ่อนให้เพียงพอ
10.แม้จะเป็นข้อสุดท้าย แต่สำคัญมาก คือสวมหน้ากากอนามัยในที่ชุมชนคนหนาแน่นไว้ก่อน

ที่ต้องเน้นดูแลตัวเอง เพราะไวรัสโคโรน่า มีรุ่นพี่มา 2 รุ่นแล้วก่อนหน้านี้ จากข้อมูลของ ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สรุปได้ว่า เมื่อปี 2545-2546 ไวรัสโคโรน่า “ซาร์” ที่ข้ามสปีชีส์จากค้างคาวผ่านชะมด มาติดถึงคน เริ่มระบาดจากประเทศจีน ไปทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อกว่า 8,000 ราย เสียชีวิต 10%
มาในปี 2555-2557 ไวรัสโคโรน่า “เมอร์ส” ข้ามสปีชีส์จากค้างคาวผ่านอูฐมาติดถึงคน เริ่มจากผู้ป่วยในประเทศซาอุดีอาระเบีย มีผู้ติดเชื้อรวม 1,733 ราย เสียชีวิต 36%
รู้ที่มาที่ไปแล้วว่าไม่ธรรมดา และวิธีป้องกันตัวเอง โอกาสเสี่ยงก็ลดลง ส่วนใครมองว่าไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่นี้เป็นแค่หวัด ก็ช่างเขา เพราะสุขภาพเป็นของเรา ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุดไว้ก่อน.
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1756203
โดย saweang | ม.ค. 28, 2020 | บทความเกี่ยวกับเหล็ก
เรื่องเกี่ยวกับความสำคัญของหลังคาบ้านและประเภทของหลังคาบ้าน
บ้านเรือนไทยในสมัยโบราณ มีวิวัฒนาการของการใช้วัสดุที่นำมาสร้างหลังคาบ้าน เริ่มต้นกันตั้งแต่วัสดุธรรมชาติที่หาได้รอบๆตัวเช่นใบไม้ต่างๆ อาทิ หญ้าคา ใบตองตึง โดยนำมาจัดเรียงและมัดรวมกันเป็นผืนที่เรียกว่า ตับ โดย
การนำหญ้าคามาใช้นี่เอง จึงเป็นต้นกำเนิดคำเรียก “หลังคา” และวิวัฒนาการมาเป็นวัสดุที่มีความแข็งเช่น ไม้ เครื่องปั้นดินเผา ซีเมนต์ เป็นต้น (สมัยโบราณมีการนำเอาดินเหนียวมารีดเป็นแผ่นบางๆและนำไปเผาเกิดเป็นแผ่นดินเผาที่สามารถนำไปเป็นวัสดุมุงหลังคาได้ ในภาคเหนือเรียกว่าดินขอ เนื่องจากส่วนปลายจะพับเป็นรูปขอเกี่ยว 90 องศา
เพื่อให้เกี่ยวกับแปหลังคาบ้านได้ ซึ่งดินเผาจะดูดซึมน้ำได้เป็นอย่างดีทำให้เกิดความเย็นกับตัวบ้าน แต่ความชื้นก็อาจจะทำให้อายุการใช้งานของแผ่นดินเผาลดน้อยลง สมัยโบราณจึงต้องมีการปูทับหลายๆชั้นเพื่อป้องกันความเสียหาย และหลังคาก็ได้วิวัฒนาการมาสู่ปัจจุบันซึ่งมีการพัฒนาด้านความคงทนมากขึ้น เช่นหลังคาซีเมนต์ หลังคาใยหิน หลังคาสังกะสี เป็นต้น
“หลังคา” จึงเป็นส่วนประกอบหนึ่งของอาคารที่มีความสำคัญมาก ทั้งในเรื่องของการป้องกันความร้อน ฝน ลม และความหนาวเย็น รวมทั้งยังเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้อาคารได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นในปัจจุบันโครงสร้างและวัสดุที่นำมาทำเป็นหลังคามักจะให้ความสำคัญในเรื่องของความคงทนถาวร ทนทานต่อสภาพอากาศภายนอก และเป็นฉนวนกันความร้อนได้ดี เพื่อป้องกันความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน
สำหรับรูปแบบของหลังคาที่นิยมออกแบบสำหรับบ้านในปัจจุบัน ได้แก่ หลังคาเพิงหมาแหงน หลังคาจั่ว หลังคาปั้นหยา หลังคาพื้นคอนกรีตเรียบ รวมถึงหลังคาในรูปแบบอิสระ เป็นต้น การพิจารณาว่าจะเลือกใช้หลังคาแบบใดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง รวมทั้งรูปแบบของอาคารด้วยเช่นกัน
รูปแบบของหลังคาบ้านที่ใช้กันโดยส่วนมากในปัจจุบัน
หลังคาบ้านทรงเพิงแหงนหรือหลังคาแหงน
1. หลังคาเพิงหมาแหงน หรือเพิงแหงนตามชื่อเป็นทรงหลังคาที่เน้นการสร้างที่ง่ายๆ นิยมสร้างสำหรับเพิงพักชั่วคราวในสวนในไร่ เป็นหลังคาที่มีลักษณะแบนราบแต่ลาดเอียงโดยยกด้านหน้าสูงกว่าด้านหลัง และมีเชิงชายรอบตัวบ้าน
โดยอาจจะออกแบบให้ด้านหน้ามีเชิงชายยื่นออกมามากกว่าด้านอื่นๆเล็กน้อยเพื่อให้บังแดดด้านหน้าบ้านได้ดี และการทำลาดเอียงจะช่วยระบายน้ำฝนได้เป็นอย่างดี โดยทั่วไปเราอาจจะพบเห็นหลังคาเพิงหมาแหงนในบ้านที่มีรูปทรงแบบสมัยใหม่ (Modern) และ อาจะมีการเพิ่มลูกเล่นในการทำหลังคาแบบ ซ้อนกันหรือทำแบบสองแผ่นเอียงไปคนละด้านก็ได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มลูกเล่นและความสวยงามให้แก่ตัวบ้าน

2. หลังคาบ้านทรงจั่ว (Gable Roof)
หลังคาบ้านแบบจั่ว ผืนหลังคาจะมีความลาดเอียงสองด้านชนกันที่ปลายสูงสุดของหลังคา สันสูงอยู่ตรงกลาง(ที่เรียกว่าดั้งหลังคา) เป็นหลังคาบ้านที่นิยมใช้กันทั่วไป เหมาะกับสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นของบ้านเรา เพราะจะมีมวลอากาศอยู่ใต้หลังคามาก
จึงเป็นเหมือนฉนวนกันความร้อนได้อย่างดี หากเจาะช่องระบายอากาศที่หน้าจั่วทั้งสองด้านก็จะช่วยระบายอากาศร้อนออกไปได้ดียิ่งขึ้น ก่อสร้างก็ง่าย กันแดดกันฝนได้ดีอีกทั้งยังเป็นรูปแบบทรงหลังคาที่ใช้กันมากในบ้านเรือนไทยสมัยโบราณ
ซึ่งในสมัยก่อนอาจจะมีการออกแบบให้ดั้งของหลังคาที่ความสูง เพื่อเพิ่มมุมลาดเอียงให้แก่หลังคาบ้าน ซึ่งจะช่วยทำให้น้ำฝนไหลลงได้อย่างสะดวก ลดการแตกหักของวัสดุมุงหลังคา จากลม ฝน ลูกเห็บ หรือกิ่งไม้ต่างๆ

3. หลังคาบ้านทรงปั้นหยา (Hip Roof)
หลังคารูปแบบนี้มีด้านลาดเอียงสี่ด้านขึ้นไปชนกันคล้ายๆปิรามิด ได้รับความนิยมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยรับอิทธิพลมาจากชาวตะวันตก ในสมัยรัชการที่ 5 -6 สามารถกันแดดกันฝนได้ทุกด้าน สวยงาม ทนต่อการปะทะของแรงลมได้ดี
แต่ไม่มีหน้าจั่วเพื่อระบายอากาศร้อน จึงอาจจะต้องระบายทางพื้นชายคาแทน แต่ก็จะไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรเนื่องจากอากาศร้อนจะลอยตัวขึ้นสู่ที่สูง ดังนั้นการก่อสร้างบ้านโดยการใช้หลังคาปั้นหยาอาจจะต้องใช้วัสดุกันความร้อนอย่างอื่นเข้าช่วยเช่น แผ่นสะท้อนความร้อน หรือฉนวนกันความร้อน

4. หลังคากึ่งปั้นหยากึ่งจั่ว
เป็นหลังคาที่ประยุกต์นำจุดเด่นของหลังคาปั้นหยาซึ่งมีความแข็งแรง สามารถรับแรงปะทะจากลม แดด ฝน ได้ทุกด้านของบ้าน มีลักษณะเหมือนทรงปั้นหยาแต่ส่วนบนจะมีปลายจั่ว รวมกับจุดเด่นของหลังคาจั่วในเรื่องการระบายความร้อนออกมาจากหน้าจั่วได้ดี เนื่องจากมีช่องอากาศที่หน้าจั่วซึ่งลมสามารถพัดเข้าไปไล่อากาศร้อน รวมถึงอากาศร้อนก็จะลอยตัวออกมาจากหน้าจั่วนี้ได้
ซึ่งลักษณะของหลังคาดังกล่าวพบเห็นมากในบ้านเรือนทรงไทยล้านนาในภาคเหนือ และยังคงถูกนำมาใช้กันมากในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะมีข้อดีมากแล้วยังมีความสวยงามและมีเอกลักษณ์อีกด้วย

5. หลังคาเรียบ (Flat Slab Roof) ส่วนมากเป็นหลังคาคอนกรีต มีลักษณะแบนราบเป็นระนาบเดียวกับพื้น แต่ต้องมีความลาดเอียงเล็กน้อยเทไปยังช่องที่เจาะเพื่อระบายน้ำฝนออกไป หรือเทไปยังท่อระบายบนหลังคา (Roof Drain)
นิยมใช้สร้างเป็นหลังคาอาคารประเภทตึกแถว คอนโด และบ้านในรูปแบบสมัยใหม่ในรูปทรงเรขาคณิต (สไตล์โมเดิร์น) พื้นหลังคาสามารถจัดเป็นพื้นที่ใช้สอยได้อย่างเต็มที่ เช่น วางถังเก็บน้ำ ตากผ้า นั่งเล่น และจัดสวน แต่เนื่องจากหลังคาประเภทนี้ดูดซับความร้อนและรับน้ำฝนโดยตรง จึงต้องมีการป้องกันการรั่วซึมที่ดี เช่น การผสมสารกันรั่วซึมในคอนกรีตระหว่างที่เทหลังคา เมื่อคอนกรีตแห้งแล้วให้ทาผลิตภัณฑ์กันรั่วกันซึมทับอีกครั้ง

สรุปข้อดีข้อเสียของหลังคาแต่ละประเภท
| ประเภทหลังคา |
ข้อดี จุดเด่น |
ข้อเสีย จุดด้อย |
| หลังคาทรงเพิงแหงน |
สร้างง่าย ประหยัดงบประมาณ |
ป้องกัน แดด ลม ฝน ได้เฉพาะด้านหน้า |
| หลังคาทรงจั่ว |
สร้างง่าย ระบายความร้อนได้ดี |
ไม่สามารถป้องกัน แดด ลม ฝนด้านหน้าจั่วได้ |
| หลังคาทรงปั้นหยา |
สร้างง่าย ทนทานป้องกันแดดฝนได้ดี |
ไม่สามารถระบายความร้อนจากหลังคาได้ |
| หลังคาทรงเรียบ |
สร้างง่าย งบน้อย ใช้พื้นที่หลังคาได้ |
ระบายน้ำไม่ดี มีความร้อนสูง |
| หลังคากึ่งจั่วกึ่งปั้นหยา |
ป้องกันแดด ลมฝนได้ทุกด้าน และสามารถระบายความร้อนจากหลังคาได้ดี |
สร้างยาก มีราคาสูงกว่าแบบอื่น |
ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.thaihomeplan.com
โดย saweang | ม.ค. 27, 2020 | บทความเกี่ยวกับเหล็ก
บ้านถือว่าเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเพื่อการใช้เวลาอยู่ร่วมกันภายในครอบครัว และเป็นสถานที่คลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน แน่นอนว่าการตกแต่งบ้านจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้บ้านน่าอยู่ อีกทั้งเวลาที่เรามองไปรอบๆ แล้วจะเกิดความรู้สึกสบายตาสบายใจอย่างการ “ทาสีบ้านโทนเย็น” นอกจากจะสวยงามดูมีรสนิยมแล้ว ยังสามารถทำให้อุณหภูมิภายในห้องลดลงอีกด้วย วันนี้เรามีไอเดียการตกแต่งบ้านด้วยการ ทาสีบ้านโทนเย็น มาฝาก รับรองว่าคุณผู้อ่านสามารถนำไปเป็น reference ในการทาสีบ้านหรือตกแต่งบ้านได้แน่นอน
สีโทนเย็น #สีเขียวเหลือง

เพิ่มสีสันคัลเลอร์ฟูลด้วยสีคลายร้อนแห่งความสนุกสนานอย่าง “สีเขียวเหลือง” ที่จะช่วยเนรมิตบรรยากาศในบ้านของคุณให้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความคลาสสิคในยุค 80 ผสมผสานกับสไตล์วินเทจเบาๆ เป็นสีที่มองแล้วรู้สึกกระปรี้กระเปร่า สามารถช่วยเพิ่มพลังในการทำสิ่งต่างๆ ในแต่ละวัน อีกทั้งยังทำให้บ้านดูสว่างขึ้น อาจเลือกทาสีบ้านเป็นสีเขียวใช้เฟอร์นิเจอร์สีเหลือง หรือทาสีเหลืองแต่ใช้เฟอร์นิเจอร์สีเขียว อาจจะนำรูปภาพศิลปะในโทนเขียวเหลืองมาตกแต่งเพิ่มก็ดูเข้ากัน




สีโทนเย็น #สีเขียว

“สีเขียว” เปรียบเสมือนสีของธรรมชาติที่แท้จริง มองแล้วทำให้รู้สึกสบายตาสบายใจ สัมผัสถึงกลิ่นอายของต้นไม้ใบไม้ จึงเหมาะสำหรับห้องที่ต้องใช้เวลาอยู่ด้วยเป็นเวลานานๆ อย่างห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น เป็นการ ทาสีบ้านโทนเย็น ที่แสดงถึงความอบอุ่นภายในครอบครัว อาจจะใช้เป็นสีเขียวสดหรือสีเขียวเข้มเพื่อเพิ่มความสดใสให้กับบ้าน นำมาตัดกับเฟอร์นิเจอร์สีขาว สีเทา หรือเลือกเป็นสีเขียวอ่อน ก็ช่วยให้ดูน่ามองมากยิ่งขึ้น




สีโทนเย็น #สีน้ำเงิน

ใครที่ชื่นชอบความสงบ สุขุม นุ่มลึก ลองเปลี่ยนมาทาสีบ้านโทนเย็น ด้วย “สีน้ำเงิน” เป็นสีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ซ้ำแบบใคร โดยเฉพาะห้องทำงานสามารถช่วยให้คุณเกิดไอเดียความคิดสร้างสรรค์ หรือจะใช้สีน้ำเงินในห้องนอน หรือส่วนของ outdoor ก็ให้อารมณ์เท่ดูแปลกตา อาจเลือกเฟอร์นิเจอร์สีขาวในสไตล์โมเดิร์น แต่ถ้าใครเน้นความหรูหราแนะนำว่าให้เลือกเป็นโซฟาผ้ากำมะหยี่ หรือโต๊ะสีสันสดใสก็ดูเข้ากัน




สีโทนเย็น – สีม่วงน้ำเงิน

มาเปลี่ยนบรรยากาศของบ้านให้ดูน่าค้นหากับ “สีม่วงน้ำเงิน” ซึ่งเป็นสีที่หลายๆ คนอาจไม่กล้าที่จะนำมาใช้ทาสีบ้านกันเท่าไหร่ แต่อยากบอกว่าสีนี้กำลังเป็นสีที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะแสดงถึงความมีเสน่ห์ เซ็กซี่ ของรสนิยมเจ้าของบ้าน สามารถแต่งได้หลายสไตล์ทั้ง Modern, Contemporary หรือ Vintage สีม่วงน้ำเงินเหมาะสำหรับการตกแต่งในห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ซึ่งเป็นห้องที่ใช้สำหรับการพบปะสังสรรค์เพิ่มความประทับใจให้แก่ผู้พบเห็น




สีโทนเย็น #สีขาว

การทาสีบ้านโทนเย็นอย่าง “สีขาว” เป็นสีที่แสดงถึงความสงบ สบาย ดูสะอาดตา เหมาะสำหรับทุกๆ ห้องภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว การตกแต่งบ้านด้วยโทนสีขาวไม่จำเป็นต้องใช้เฟอร์นิเจอร์สีขาวเสมอไป แนะนำว่าควรเลือกเป็นเฟอร์นิเจอร์สีไม้หรือสีเทา เพื่อเป็นการเพิ่มมิติให้ดีไซน์ของตัวบ้าน หรือถ้าชอบแนวสดใสอาจจะใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์สีแดงสดก็ดูโมเดิร์นไปอีกแบบ




สีโทนเย็น #สีฟ้า

ปิดท้ายกันด้วยสีคลายร้อนอย่าง “สีฟ้า” เป็นอีกหนึ่งสีที่บ้านส่วนใหญ่เลือกใช้ เปรียบเสมือนการนำเอาทะเลมาไว้ภายในบ้าน ได้อารมณ์เย็นสบาย เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศให้บ้านสดใสที่มีชีวิตชีวา แต่ถ้าอยากสัมผัสกลิ่นอายของบ้านพักตากอากาศให้มากขึ้น ลองหยิบคอลเลกชั่นกรอบรูปของคุณมาตกแต่ง เพิ่มเติมด้วยเก้าอี้หวายสักตัว รับรองว่าได้ฟีลวินเทจ ผสมผสานกับทาสีบ้านโทนเย็นและเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างลงตัว




การทาสีบ้านโทนเย็นนั้นนอกจากจะช่วยสร้างอารมณ์และบรรยากาศที่ร่มรื่นผ่อนคลายแล้ว ยังสามารถทำให้สมาชิกที่อยู่ในบ้านมีรอยยิ้มอีกด้วย เพียงเลือกใช้โทนสีที่คุณชอบและเหมาะสมกับบ้านของคุณ คราวนี้อยากให้บ้านเป็นแบบไหนก็ใช้สีเป็นตัวช่วยในการสื่อสาร รับรองว่าคุณจะต้องมีความสุขในการแต่งบ้านอย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจากCR : pinterest.com & https://www.central.co.th/e-shopping/cool-paint-colors/
โดย saweang | ม.ค. 15, 2020 | บทความเกี่ยวกับเหล็ก
บ้านและสวนตอบกระทู้สัปดาห์นี้ เรามีข้อสงสัย จากกระทู้พันทิปที่หลายคนยังข้องใจเกี่ยวกับเรื่องบ้าน เรื่องสวน กับคำถามยอดนิยมคำถามนี้เลยครับ “จะสร้างบ้านควรเลือก อิฐมอญหรืออิฐมวลเบา ดี”

จากคำถาม : ในเรื่องความทนทาน อายุการใช้งานและอุณหภูมิภายในห้องของอิฐสองแบบนี้ครับ รวมถึงเรื่องการที่จะประดับตกแต่ง การต่อเติมด้วยครับ
คลายข้อสงสัย : จากที่เจ้าของกระทู้ได้ถามมา ขอแยกเป็นข้อๆ เพื่อตอบให้ได้อย่างชัดเจนตามนี้ครับ
- ความทนทาน อายุการใช้งาน
- อุณหภูมิภายในบ้าน
- การตกแต่ง ต่อเติม


ความทนทาน อายุการใช้งาน
ในเรื่องของความทนทาน ความแข็งแกร่ง อิฐมอญจะได้เปรียบมากกว่าเพราะส่วนผสมที่ทำมาจาก ดินเหนียวปนทราย ผสม แกลบ และขี้เถ้า นำเข้าเตาอบ การยึดเกาะของเนื้อผิวจึงมีมากกว่า สามารถทุบ สกัด เจาะ ฝังอุปกรณ์ต่างๆ ที่รับน้ำหนักมากๆ ซึ่งต่างจากอิฐมวลเบาที่มีส่วนผสมทำมาจาก ทราย ซีเมนต์ ปูนขาว ยิปซั่ม และผงอลูมิเนียม มีรูพรุนอยู่ข้างในมากกว่า สามารถเกิดการแตกร้าวได้ง่ายกว่า

อุณหภูมิภายในบ้าน
คุณสมบัติในข้อนี้ต้องยกให้ อิฐมวลเบา เพราะเนื้ออิฐมีลักษณะเป็นฟองอากาศ มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนได้ดี แตกต่างจาก อิฐมอญ ที่เนื้ออิฐมีคุณสมบัติสะสมความร้อนได้ดี เมื่อโดนแสงแดดช่วงกลางวันจะแผ่ความร้อนเข้ามาภายในบ้าน ซึ่งถ้าห้องไหนก่อด้วยอิฐมอญ ควรมีการถ่ายเทอากาศออกสู่ภายนอกได้ ไม่เช่นนั้นต้องเปิดแอร์สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายอย่างมาก

การตกแต่ง ต่อเติม
อิฐมอญ นิยมนำมาตกแต่งในหลายสไตล์ สามารถใช่ก่ออิฐโชว์แนว สไตล์ลอฟท์ หรือวินเทจ ในขณะที่อิฐมวลเบาจะถูกนำมาใช้ก่อผนัง และฉาบปูนทับทั่วไป เรื่องการต่อเติมทั้ง 2 แบบ สามารถทำได้เหมือนๆ กัน ขึ้นอยู่กับใช้งาน เช่น ถ้าจะต่อเติม เจาะแขวนสิ่งของที่รับน้ำหนักมาก ผนังส่วนนั้นควรใช้อิฐมอญจะดีกว่า

ขอบคุณข้อมูลจากhttps://www.baanlaesuan.com/61950/maintenance/pantip-brick บ้านและสวน
โดย saweang | ธ.ค. 19, 2019 | บทความเกี่ยวกับเหล็ก
เมทัลชีท ข้อดีและข้อเสีย เมื่อนำแผ่นเมทัลชีทมามุงหลังคา
ในปัจุบันนี้ได้มีการออกแบบแบบบ้านทรงโมเดิล มากขึ้นส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบหลังคามากขึ้นด้วย จริงๆแล้วนอกจากทรงหลังคาแบบโมเดิลแล้ว หลังคาทรงจั่วหรือปั่นหยาก็สามารถ มุงด้วยแผ่นเมทัลชีทได้นะครับ
แล้วหลังคาเมทัลชีทมันคืออะไร
เอาตรงๆง่ายๆหลังคาเมทัลชีทก็คือ แผ่นเหล็กที่เอามารีดและทำเป็นลอน ดังรูป ซึ่งจริงๆแล้วแผ่นเมทัลชีท ทำได้หลายอย่างนะครับ ทำรั้ว ทำผนัง ทำหลังคา ได้หมด
หลังคาเมทัลชีทมีอะไรดี
การที่นำเมทัฃชีทมาทำเป็นหลังคานั้น มีข้อดีที่สำคัญมากๆๆเลยนะครับคือ
1. ป้องกันปัญหาการรั่วซึมของหลังคา
เพราะอะไรนั่นหรือ ก็คือเมทัลชีทสามารถผลิตได้แผ่นที่ยาวแบบไม่มีรอยต่อ เมื่อไม่มีรอยต่อก็จะไม่มีการรั่วซึมเช่นกัน
2. ความรวดเร็วในการทำงาน
เนื่องจากเมทัลชีทมาเป็นแผ่นยาวและทำการติดตั้งลักษณะเดียวกับ หลังคากระเบื้องลอนคู่ จึงมีความรวดเร็วมากในการทำงาน
3. เกิดความเสียหายกับตัววัสดุน้อยมาก
เพราะ เมทัลชีทที่นำมามุงหลังคานั้น ไม่แตกง่ายเหมือนกระเบื้องหลังคาทั่วไป
4. ความแข็งแรงทนทาน
ถ้าตามความเข้าใจของผู้เขียน แผ่นเมทัลชีท เป็นแผ่นโลหะที่เคลือบอลูซิงค์ ซึ่งจะแบ่งเกรดความแข็งแรงเป็นความหนาของแผ่นเมทัลชีทและความหนาของชั้นที่เคลือบอลูซิงค์ จากประสบการ์ของผู้เขียน แผ่นเมทัลชีท จะเสียหายก็ต่อเมื่อโดนสะเก็ด ลูกไฟ จากการ เชื่อมเหล็กจะทำให้แผ่นเมทัลชีทเสียหายได้
5. ฝนตกจะเสียงดังไหม ??
เคยมีการพูดถึงแผ่นเมทัลชีทว่ามันก็เป็นแผ่นสังกะสีนั่นเอง เวลาฝนตกเนี้ยเสียงจะดังมากจนอยู่ไม่ได้ แต่ … แผ่นเมทัลชีทจะมีการฉีดโฟมมาด้วยหรือจะมีแผ่นโฟมติดมาด้วยเพื่อลดเสียงและป้องกันความร้อนอีกชั้นหนึ่ง
ราคา !!! สำหรับราคาของแผ่น เมทัลชีท จะมีหลายแบบนะครับ ขึ้นอยู่กับความยาวการผลิต สีของแผ่น ความหนาของแผ่น ความหนาของชั้นเคลือบอลูซิ้ง ซึ่งเฉลี่ยตรามเมตรละ 450-750 บาท
สรุป
สำหรับผู้เขียนมีความคิดเห็นว่า แผ่นเมทัลชีทกำลังได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย ในหลายๆที่โดยเฉพาะต่างจังหวัด หากกำลังลังเลอยู่ แผ่นเมทัลชีทก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรือบ้านของท่านเหมือนกัน
ขอบคุณข้อมูลhttp://www.nucifer.com/2015/02/07/matelsheet/