google.com, pub-1539147387772263, DIRECT, f08c47fec0942fa0
สาระเรื่องเหล็กแป๊ปแบน เหล็กแป๊ปเหลี่ยม วัสดุก่อสร้างเหล็ก

สาระเรื่องเหล็กแป๊ปแบน เหล็กแป๊ปเหลี่ยม วัสดุก่อสร้างเหล็ก

ทำความรู้จักกับเหล็กแป๊บแบน

เหล็กกล่องหรือแป๊บแบน คืออะไร เหล็กกล่องนี้จัดอยู่ในประเภทเหล็กรูปพรรณ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ เหล็กกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้า (Rectangular Steel Tube) หรือ เหล็กแป๊บแบน และเหล็กกล่องสี่เหลี่ยมจตุรัส (Square Steel Tube) หรือ เหล็กแป๊บเหลี่ยม สำหรับเหล็กกล่องทั้งสองชนิดนี้เหมาะกับงานก่อสร้างขนาดกลางและขนาดเล็ก และเป็นเหล็กที่มีปริมาณซื้อขายในตลาดค่อนข้างมาก เช่น ที่พักอาศัย และอาคารพานิชย์ เสา,นั่งร้าน,ประตู เป็นต้น

เหล็กกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้า (Rectangular Steel Tube) มีชื่อเรียกหลายชื่อ ไม่ว่าจะเป็น ท่อแบน แป๊ปแบน หรือ เหล็กแป๊บแบน เป็นเหล็กที่มีโครงสร้างรูปพรรณกลวงแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความยาว 6,000 มิลลิเมตร/เส้น มีลักษณะเป็นท่อสี่เหลี่ยมผืนผ้า ผิวเรียบไม่หยาบ ขนาดความยาวเท่ากันทุกเส้น เป็นท่อเหล็กที่ไม่มีมาตรฐานกำหนด เน้นสำหรับใช้งานโครงสร้างทั่วไปที่มีขนาดเล็กและขนาดกลาง เป็นเหล็กที่ไม่เน้นคุณสมบัติทางกลมากนัก สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในงานทั่วไป ทดแทนการใช้ไม้ คอนกรีต และเหล็กรูปพรรณชนิดอื่นๆ น้ำหนักเบา และมีคุณสมบัติที่แข็งแรงทนทาน ราคาเหล็กแป๊บแบนสูงกว่าเหล็กชนิดอื่นๆ เพราะเหล็กแป๊บแบนเป็นที่นิยมใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งการใช้เหล็กแป๊บแบนจะช่วยให้การทำงานรวดเร็วและสะดวกขึ้น

คุณสมบัติของเหล็กแป๊บแบน

คุณสมบัติของหล็กแป๊บแบน คือ น้ำหนักเบา แข็งแรง ทนทานต่อการใช้งาน สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับงานก่อสร้างอื่นๆได้อย่างหลากหลาย ทั้งงานก่อสร้างทั่วไปขนาดเล็กและขนาดกลาง สามารถใช้ทดแทนไม้ หรือ งานโครงสร้าง เช่น คอนกรีตเสา นั่งร้าน ประตู และเหล็กรูปพรรณชนิดอื่นๆ เนื่องด้วยคุณสมบัติที่ดีกว่า จากที่ทราบกันไปแล้วว่า เหล็กแป๊บแบน เป็นเหล็กที่มีโครงสร้างของเหล็กรูปพรรณวันนี้เราจะมาดูข้อดีของการใช้งานเหล็กแป๊บแบนที่มี โครงสร้างรูปพรรณกัน

เหล็กแป๊ปแบน / Rectangular Pipe

 

 

ประโยชน์ของเหล็กแป๊บแบน

โดยลดระยะเวลาในการก่อสร้าง เนื่องจากมีความสะดวก รวดเร็วต่อการใช้งาน อีกทั้งยังสามารถลดดอกเบี้ยของโครงการ ทำให้สามารถเปิดใช้งานได้เร็วขึ้น มีการเตรียมการจากโรงงานผลิตได้เลย ทั้งสเปกและคุณภาพ สามารถออกแบบโครงสร้างได้หลากหลาย เช่น ดัดโค้ง ทำโครงสร้างโปร่ง หรือทำส่วนยื่นมาดัดแปลงได้ ด้วยโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบา ทำให้ประหยัดฐานราก จึงช่วยลดการขนส่ง มีการควบคุม ตรวจสอบคุณภาพ บำรุงรักษาได้สะดวกแข็งแรง ทนต่อการเกิดแผ่นดินไหวได้ดีกว่าระบบอื่น สามารถใช้ก่อสร้างในบริเวณที่จำกัดได้ ไม่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองกระจายตามอากา อีกทั้งยังต่อเติม ดัดแปลง รื้อถอน โดยสามารถนำไปใช้ในงานอื่นต่อได้ และสามารถนำมาหลอมละลายเพิ่มกลับมาใช้ใหม่ได้

 

ขอบคุณข้อมูลจากhttps://informativebuilding.blogspot.com

“เหล็กเส้นข้ออ้อย” สิ่งที่คนสร้างบ้านต้องรู้

“เหล็กเส้นข้ออ้อย” สิ่งที่คนสร้างบ้านต้องรู้

“เหล็กเส้นข้ออ้อย” สิ่งที่คนสร้างบ้านต้องรู้

dsc01873
เหล็กข้ออ้อยมีความสำคัญต่อการสร้างบ้านเป็นอย่างมาก เพราะการสร้างบ้านต้องศึกษาเกี่ยวกับเรื่องวัสดุต่างๆ รวมถึงการหาผู้รับเหมาที่สามารถไว้ใจได้เพื่อมาสร้างบ้านที่มีคุณภาพ และป้องกันไม่ให้ถูกเอาเปรียบจากการเลือกซื้อวัสดุของผู้รับเหมา ซึ่งต้องพิจารณาตั้งแต่การเลือกซื้อ และการเลือกใช้อย่างถูกวิธี เพื่อให้ได้เหล็กเส้นข้ออ้อยที่ได้มาตรฐาน มอก.

เหล็กเส้นข้ออ้อย (DEFORMED BARS DB)

เนื่องจากผิวของเหล็กมีลักษณะเป็นปล้องๆ คล้ายๆอ้อย จึงเรียกว่า เหล็กเส้นข้ออ้อย ตามมาตรฐาน มอก. 24-2536 กำหนดให้เหล็กเส้นข้ออ้อยมีชั้นคุณภาพหลายชั้น เช่น SD30, SD40, SD50 และ SD60 ซึ่ง SD30 จะหมายถึงเหล็กที่ต้องมีกำลังจุดคลากไม่ต่ำกว่า 3,000 กิโลกรัม/ตารางเซนติเมตร หรือ SD40หมายถึงเหล็กที่ต้องมีกำลังจุดคลากไม่ต่ำกว่า 4,000 กิโลกรัม/เซนติเมตร ขนาดของเหล็กมีตั้งแต่ 10มม. ถึง 40 มม. ความยาวมาตรฐานคือ 10ม. และ 12มม. หรือสามารถสั่งดัดพิเศษตามต้องการได้ เหล็กเส้นข้ออ้อยจะใช้ในงานก่อสร้างที่ต้องรับน้ำหนักมากๆ

ในเสาแนวตั้ง จะใช้เหล็กข้ออ้อยเป็นเหล็กยืน (ตั้งตลอดแนวเสา) และใช้เหล็กเส้นกลมเป็นเหล็กปลอกรัดรอบเหล็กยืนเป็นระยะๆ ในคานแนวนอน จะใช้เหล็กข้ออ้อยเป็นเหล็กนอน (ยาวตลอดแนวคาน) และใช้เหล็กเส้นกลมเป็นเหล็ก ปลอกรัดรอบเหล็กนอกเป็นระยะๆ และเมื่อมาถึงคำถามที่ว่า

วิธีการตรวจสอบเบื้องต้น โดยวิธีการสังเกตเหล็กเส้นข้ออ้อย

เนื้อเหล็ก เหล็กข้ออ้อยต้องมีบั้งเป็นระยะเท่าๆ กันสม่ำเสมอตลอดทั้งเส้น บั้งและครีบต้องมีขนาดและรูปร่างเหมือนๆ กัน มีสัญลักษณ์ ตราสินค้า ชื่อยี่ห้อสินค้า ชั้นคุณภาพ ชนิดเหล็ก และขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ปั๊มมาบนผิวเหล็ก

ป้ายรายละเอียดเหล็ก มีรายละเอียดบนป้ายเหล็กที่สำคัญ อาทิ ชื่อบริษัท, ประเภทสินค้า (Type), ชั้นคุณภาพ (Grade), ขนาด (Size), ความยาว (Length), จำนวนเส้นต่อมัด (PSC : Bundle), เลขที่เตาหลอม (Batch,Head), วัน/เวลาที่ผลิต (Date/Time), เครื่องหมายและเลขที่ มอก.

ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางต้องได้เกณฑ์ตามมาตรฐาน มอก. กำหนดที่เรียกว่า “เหล็กเต็ม” เช่น เหล็ก 9 มม. จะต้องมีเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 9 มม. ขึ้นไป โดยเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบ คือ เวอร์เนีย หรืออุปกรณ์อื่นที่สามารถใช้วัดได้ เช่น ตลับเมตร หรือไม้บรรทัด เป็นต้น ขนาดต้องเท่ากันตลอดเส้น ความยาวเท่ากันทุกเส้น จำนวนเส้นในมัดครบถ้วน

เหล็กเส้นข้ออ้อยนั้นมีคุณภาพที่หลากหลายในตลาด เนื่องจากยังมีแบ่งเป็นเหล็กเต็ม และเหล็กเบาอีกด้วย ดังนั้นการสร้างบ้านจึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดจากผู้รับเหมาเพื่อให้แน่ใจว่าเหล็กเส้นข้ออ้อยที่นำมาใช้นั้นเป็นเหล็กที่ได้คุณภาพตรงตามาตรฐาน

ขอบคุณข้อมูลจากhttps://informativebuilding.blogspot.com
งานก่อสร้าง ใช้เหล็กอะไร

งานก่อสร้าง ใช้เหล็กอะไร

เหล็กที่ใช้ในงานก่อสร้างมีหลายประเภทได้แก่

 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เหล็กเส้นกลม

1. เหล็กเส้นกลม

          จะมีเส้นผ่านศุนย์กลางตั้งแต่ 6 ถึง 28 มิลลิเมตร และขนาดความยาว 10 หรือ 12 เมตรเหมาะสำหรับงานขนาดเล็ก และขนาดกลาง มีคาร์บอน 0.28% ฟอสฟอรัส 0.058% และกำมะถัน 0.058%

 

เหล็กก่อสร้าง, เหล็กเส้น, เหล็กข้ออ้อย, เหล็กรูปพรรณ

2. เหล็กเส้นข้ออ้อย

         ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 10 ถึง 33 มิลลิเมตร มีความยาวโดยทั่วไป 10 และ 12เมตรเหล็กเส้นข้ออ้อย เป็นเหล็ก ที่มีแรงยึดเกาะที่ผิวสูง เหมาะสำหรับงานคอนกรีตเสริมเหล็กที่ต้องการความแข็งแรงสูง โดยไม่จำเป็นต้องออกแบบให้โครงสร้างใหญ่โต มีคาร์บอน 0.28% ฟอสฟอรัส 0.058% และกำมะถัน 0.058%

 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เสาเข็ม

3. เหล็กเสริมคอนกรีตอัดแรง

             เป็นเหล็กเสริมคอนกรีตในการผลิตเสาเข็ม เสาไฟฟ้า คานพื้นสำเร็จรูป ท่อระบายน้ำ คอนกรีตอัดแรง ฯลฯ มีลักษณะเป็นเหล็กแบบกลมมีรอยย้ำ ต้องมีรอยย้ำ 2 แถวอยู่ตรงข้ามกันและรอยย้ำของแถวหนึ่งต้องเหลื่อมกับอีกแถวหนึ่งถ้าเป็นเหล็กแบบ กลม เกลี้ยง ต้องมีผิวทั้งหมดเรียบเกลี้ยง ไม่มีรอยปริหรือแตกร้าว หรือเป็นปีกต้องเป็นเส้นเดียวกัน

          ไม่มีการต่อหรือเชื่อมหากมีขึ้นในระหว่าง กระบวนการ ผลิตต้องตัดทิ้งให้หมด ผิวเหล็กต้องปราศจากคราบน้ำมันหรือสารอื่นใดที่จะมีผลทำให้แรงยึดระหว่างคอนกรีตกับเหล็กเสียไปเหล็กต้อง

          ไม่เป็นสนิมขุม เว้นแต่สนิมผิวซึ่งยอมให้มีได้การตัดเหล็กให้ใช้หินเจียระไนหรือกรรไกรตัดเหล็ก ห้ามใช้ก๊าซดัดเพราะว่าความร้อนจากก๊าซตัดจะทำให้ คุณสมบัติของเหล็กต่ำลง

         เหล็กเสริมคอนกรีตอัดแรงมีคาร์บอน 0.60 ถึง 0.90% ซิลิคอน 0.10 ถึง 0.35% แมงกานีส 0.40 ถึง 0.90%ฟอสฟอรัส ไม่เกิน 0.50% กำมะถันไม่เกิน 0.05% เหล็กมี 2 ชนิด ได้แก่ ชนิดเส้นเดียว มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4,5,7,9 มิลลิเมตรและชนิดตีเกลียวมีเส้นผ่าน ศูนย์กลาง 3/8 นิ้ว และ 0.05 นิ้ว

 

 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ก่อสร้างเหล็กลวดผูก

4. เหล็กลวดผูกเหล็ก

      มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5.5 ถึง 8 มิลลิเมตร เหล็กลวดนี้ใช้สำหรับทำตะปู ลวดอาบสังกะสี ตาข่าย 

ปัญหาฝุ่น งานก่อสร้าง

ปัญหาฝุ่น งานก่อสร้าง

บริเวณพื้นที่ก่อสร้าง

บริเวณโดยรอบของการก่อสร้าง

           จุดที่ติดกับพื้นที่สาธารณะต้องกั้นพื้นที่โดยทำรั้วทึบสูงไม่น้อยกว่า 2 เมตร มีผ้าใบหรือสแลนขึงปิดคลุมการก่อสร้างอย่างมิดชิดเพื่อป้องกันวัสดุตกหล่นลงในพื้นที่สาธารณะโดยรอบ  หมั่นดูแลทำความสะอาดพื้นที่การก่อสร้างและพื้นที่สาธารณะโดยรอบอย่างสม่ำเสมอ หากกรณีที่มีฝุ่นเยอะให้ฉีดพรมด้วยน้ำเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายตัวของฝุ่นละออง   ทางเข้า-ออกพื้นที่ก่อสร้าง

ทางเข้า-ออกมีเพียงช่องทางเดียว และอยู่ในพื้นที่ที่ไม่กีดขวางช่องทางน้ำไหลและไม่ส่งผลกระทบต่อระบบระบายน้ำหรือช่องทางน้ำสาธารณะ     

         ใช้ยางแอลฟัลต์ (ยางมะตอย) หรือการเทคอนกรีตบริเวณพื้นที่นั้น  มีอุปกรณ์และสถานที่สำหรับการล้างล้อและตัวถังรถก่อนออกจากพื้นที่ก่อสร้าง

บริเวณวัสดุก่อสร้าง

         กองวัสดุที่มีฝุ่นควรปิดหรือคลุมให้มิดชิดทุกด้านโดยรอบ ฉีดพรมน้ำให้ผิวเปียกอยู่เสมอ  การลำเลียงวัสดุจะต้องดำเนินการให้เรียบร้อยในเฉพาะช่วงกลางคืน   ไม่กองวัสดุที่เหลือใช้ไว้ที่หน้างาน ต้องขนย้ายออกจากพื้นที่อย่างน้อยทุก ๆ 2 วัน และการเคลื่อนย้ายวัสดุที่มีฝุ่นต้องฉีดพรมน้ำก่อนเคลื่อนย้าย เพื่อป้องกันฝุ่นฟุ้งกระจาย
          หากยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ต้องมีพื้นที่เพียงพอต่อการจัดเก็บ และต้องทำความสะอาดอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เกิดฝุ่นละอองสะสมในพื้นที่

ดูแลหลังก่อสร้างแล้วเสร็จ

        การดูแลหลังก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยนั้นทุกอย่างต้องดำเนินการตามที่กฎหมายบัญญัติในเรื่องนั้น โดยไม่ทำให้ส่วนรวมเกิดความเสียหายและไม่ทำลายทัศนวิสัยในการมองเห็น ที่สำคัญการก่อสร้างต้องไม่ก่อให้เกิดหรือต้องมีการป้องกันไม่ให้เกิด กลิ่น แสง รังสี เสียง ความร้อน สิ่งมีพิษ ความสั่นสะเทือน ฝุ่น ละอองเขม่า เถ้า หรือสิ่งอื่นใดที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพและก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อผู้อยู่อาศัยในบริเวณโดยรอบพื้นที่

         จัดเก็บเศษวัสดุที่เหลือและทำความสะอาดสถานที่ก่อสร้างและบริเวณพื้นที่โดยรอบให้เร็วที่สุด ทั้งการล้างท่อระบายน้ำ การทำความสะอาดทางระบายน้ำสาธารณะไม่ให้มีเศษวัสดุหลงเหลือหรือตกค้าง
จัดการซ่อมแซมพื้นที่โดยรอบของการก่อสร้าง เช่น ซ่อมแซมพื้นผิวถนน ซ่อมแซมทางเดินสาธารณะและทำการเชื่อมต่อสิ่งสาธารณูปโภค ทั้งทางเข้า-ออก การเชื่อมท่อระบายน้ำ เป็นต้น

        การดูแลทั้งระหว่างและหลังก่อสร้างเป็นการป้องกันและจัดการของโครงการก่อสร้าง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ต้องกระทำในทุกพื้นที่ที่มีการก่อสร้าง เพื่อช่วยลดการเกิดฝุ่นละอองในพื้นที่บริเวณนั้น และอย่าลืมป้องกันตัวเองโดยการหลีกเลี่ยงการอยู่พื้นที่ที่มีฝุ่นเยอะ หากจำเป็นควรสวมหน้ากากอนามัยไว้ทุกครั้งเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ จากฝุ่นด้วยค่ะ

 

 

ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์:https://www.hba-th.org/

ตะแกรงเหล็กไวร์เมชคืออะไร

ตะแกรงเหล็กไวร์เมชคืออะไร

ตะแกรงเหล็กไวร์เมช (Wire Mesh)

ตะแกรงเหล็กไวร์เมชกล้าเชื่อมติดเสริมคอนกรีต ทอติดกันเป็นผืน มีขนาดเส้นลวดขนาดต่างๆตั้งแต่ 3 มม.- 6 มม. ผลิตจากลวดเหล็กรีดเย็น (Cold Drawn Steel Wire) อาร์คเชื่อมติดกันด้วยไฟฟ้าทำให้จุดตัดทุกจุดหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกัน ระยะห่างของเส้นลวดหรือที่นิยมเรียกว่า @มีหลายขนาด เช่น 15*15 นิ้ว / 20*20 นิ้ว / 25*25 นิ้ว จะใช้แทนการผูกเหล็กเส้นธรรมดาทั่วไปเป็นอย่างดี ทำให้ประหยัดเวลา ประหยัดเงิน สามารถตัดเป็นแผงและเป็นม้วนได้ตามความต้องการโดยไม่เสียเศษ เงิน และแรงงานได้มากกว่า 80% และมีความสม่ำเสมอของตะแกรงที่แน่นอน ทำให้บริษัทหรือช่างก่อสร้างส่วนใหญ่เลือกใช้ จึงได้รับความนิยมใช้กันมาขึ้นเรื่อยๆ

ประโยชน์ของการเลือกใช้ไวร์เมช

ประหยัด 

เพราะตะแกรงเหล็กสามารถผลิตได้ตามขนาดที่ต้องการ จึงทำให้ไม่เสียเศษเหล็ก และเป็นตะแกรงเหล็กที่มีกำลังคลากสูงกว่าเหล็กเส้นทั่วไปสองเท่าจึงทำให้ ประหยัดวัสดุ

ลดขั้นตอนเวลา

ภาระและความสูญเสีย เพราะเป็นตะแกรงเหล็กที่ลดขั้นตอนในการทำงานได้ถึง 50% และใช้งานได้รวดเร็ว เนื่องจากการขนส่งเคลื่อนย้ายสะดวกและรวดเร็ว การตัดและดัดทำให้ลดเวลาในการผูกเหล็กลงได้ถึง 70-90% นำไปใช้ได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลาในการผูกเหล็ก

แข็งแรงสม่ำเสมอแน่นอน

เพราะเป็นตะแกรงเหล็กที่ผลิตด้วยระบบอัตโนมัติ ทุกระยะจุดเชื่อมไม่คลาดเคลื่อนได้มาตรฐาน สม่ำเสมอตลอดผืนและมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่บิดงอ ทำให้งานเสริมเหล็กออกมาดี ซึ่งเป็นผลให้โครงสร้างมีความแข็งแรงสม่ำเสมอตลอดทั้งผืน

94

หน้าที่ของเหล็กไวร์เมช

เหล็กไวร์เมช  ที่ใช้แทนการผูกเหล็กสำหรับทำถนนคอนกรีตเหล็ก Wire mesh มีหน้าที่เอาไว้รับแรงกระแทก และแรงกดทับเพราะ ช่วยให้การทำงานไวขึ้น และใช้เป็นทางยาวๆที่ใช้การเอาเหล็กมาผูกและเป็นเหล็กขนาดเล็กอาจจะไม่เหมาะเท่าที่ควรและประสิทธิภาพไม่ดีเท่าเหล็กไวร์เมช หรือตะแกรงไวร์เมช

ลักษณะการใช้งานตะแกรงไวร์เมช

ตะแกรงไวร์เมช เป็นตัวรับและกระจายน้ำหนักเหล็กตะแกรงในงานถนน มีไว้ป้องกันการแตกร้าวเป็นหลักหรือใช้ในการก่อสร้างถนน โดยใช้เหล็ก ส่วนใหญ่เอาไว้รับแรงดึง จากการขยายตัวของพื้นคอนกรีตความแข็งแรงของถนน

คือชั้นคันทางโดยมีคอนกรีตทำหน้าที่กระจายแรง ขณะเดียวกัน ถ้าคันทางรับน้ำหนักไม่ได้แม้คอนกรีตจะกระจายแรงได้ดีเพียงใด มันก็ รับน้ำหนักไม่ไหว ดังนั้น ถ้า คอนกรีตกระจายแรงได้ดี

แต่คันทางรับน้ำหนักไม่ได้ คอนกรีตก็จะแตก ตะแกรงเหล็กไวร์เมช ทั่วไปจะรับแรงดึงได้ มากกว่า เหล็กเส้นกลม ประมาณ 2 เท่า

ไวร์เมช มีลักษณะเด่นในการรับน้ำหนัก จึงเป็นที่นิยมในการปูพื้นเพื่อรองรับคอนกรีตที่เทเป็นพื้นตึกหรืออาคาร และใช้ในการก่อสร้างอาคาร

ปูกำแพงดิน ,ผนังรับแรง ,กำแพงคอนกรีต ที่ต้องการโครงสร้างที่ผสานเชื่อมต่อกันอย่างมั่นคงแข็งแรงมากๆ

-ประยุกต์ใช้ในงานต่างๆ ได้ตามความต้องการ เช่นโกดังเก็บของ ลานจอดรถ พื้นโรงจอดรถ เป็นต้น

 

wiremesh-b2

ประเภทของตะแกรงไวร์เมช

ตะแกรงไวร์เมชหลักๆนั้น มีการใช้งานอยู่ 2 ประเภท คือ

  1. ตะแกรงเหล็กไวร์เมช   เพื่อใช้สำหรับในงานเทพื้นคอนกรีต เพื่อรับน้ำหนักหรือรับแรง เหล็กไวร์เมชชนิดนี้ มรการใช้งานทั้ง เหล็กข้ออ้อยและเหล็กเส้นกลม ลักษณะของการใช้งานนี้คือ ใช้รองก่อนทำการเทพื้นคอนกรีต พร้อมกับเพื่อเพิ่มความสามารถในการรับน้ำหนัก และเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับพื้นของคอนกรีตอีกด้วย
  2. กัลป์วาไนซ์ ไวร์เมช ตะแกรงไวร์เมช ชนิดนนี้ทำมาเพื่อปูบนเพดาน เพื่อวางแผ่นฉนวนกันความร้อน ต่างจากตะแกรงไวร์ชนิดแรก เพราะไวร์เมชชนิดนี้ จะชุบกัลป์วาไนซ์เพื่อป้องกันการเกิดสนิม อีกทั้งยังทำให้มีอายุการใช้งานยาวได้นานยิ่งขึ้น ตะแกรงเหล็กไวร์เมช ที่เอาไว้ปูบนพื้นเพดานนั้น นิยมเรียกกันว่า กัลป์วาไนซ์ไวร์เมช

การเลือกใช้งานไวร์เมช

ในการเลือกใช้งานวายเมทนั้น ท่านต้องทราบขนาดของพื้นที่ของหน้างานก่อน แล้วจึงจะสั่งตะแกงไวร์เมช ตามขนาดของพื้นที่ของหน้างาน และประเภทงานเช่น ถ้าพื้นที่ที่ต้องรับน้ำหนักหรือรับแรงมากๆ ก็ควรเลือกใช้งานตะแกรงไวร์เมชที่มีขนาดของลวดที่ใหญ่ และระยะห่างที่ถี่มากขึ้น เพราะถ้าขนาดลวดที่ใหญ่ และระยะห่างที่ถี่ๆ ก็จะทำให้สามารถทนทานและรับน้ำหนักมากยิ่งขึ้น

ในสมัยก่อนการเทคอนกรีตที่ต้องการรับแรงให้ได้มากขึ้นนั้นต้องนิยมใช้เหล็กเส้นมาวางและผูกต่อกันเป็นตะแกรง แต่เนื่องด้วยวิธีการและการใช้งานที่แสงยุ่งยาก สิ้นเปลืองค่าแรงงาน และเสียเวลาจึงมีการใช้ตะแกรงไวร์เมชแทน เพราะง่ายกว่าวิธีเก่า และยังประหยัดเวลาในการทำงาน

 

ขอบคุณข้อมูลจากeducationbuilding.wordpress.com

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า