จีนลดการผลิตทำยอดผลิตเหล็กดิบของโลกเดือนกันยายนทำสถิติต่ำสุดในรอบปี
สมาคมเหล็กโลก หรือ worldsteel เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ยอดผลิตเหล็กดิบของโลกเดือนกันยายนทำสถิติต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2017 สาเหตุหลักมาจากประเทศจีน ผู้ผลิตเหล็กดิบรายใหญ่ที่สุดของโลกปรับลดการผลิตเพื่อลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ และทำให้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง
ยอดการผลิตเหล็กดิบของโลกที่ถูกรวบรวมจาก 66 ประเทศทั่วโลกเดือนกันยายน อยู่ที่ 141.44 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และลดลง 2.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
ยอดการผลิตเหล็กดิบของจีนเดือนกันยายนอยู่ที่ 71.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และลดลง 3.7% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แหล่งข่าวคาดว่าในช่วงฤดูหนาวของจีนที่กำลังจะมาถึง จีนน่าจะลดการผลิตเหล็กลงอีกมากกว่า 30 ล้านตัน เนื่องจากการใช้นโยบายลดหมอกควันในอากาศอย่างเข้มงวดและชัดเจน อย่างไรก็ตามในปีนี้จีนได้ประกาศนโยบายลดกำลังการผลิตเหล็กที่ถูกกฏหมายลง 110 ล้านตัน และเหล็กที่ไม่ได้คุณภาพอีกกว่า 120 ล้านตัน แต่ตัวเลขยอดการผลิตเหล็กดิบของจีนเพิ่งเริ่มลดลงในเดือนกันยายน 2017 เป็นเดือนแรก
ตามการรายงาน ของ MEPS ราคาเหล็กโลกเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 50% เมื่อเทียบกับช่วงต่ำสุดในเดือนธันวาคม 2015 ด้วยอานิสงค์จากการลดกำลังการผลิตเหล็กของจีน อุปสงค์เหล็กขยายตัวจากการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และมาตรการทางการค้าสินค้าเหล็กที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก
สำหรับปีหน้าสมาคมเหล็กโลกคาดว่าอุปสงค์เหล็กของจีนมีแนวโน้มทรงตัวเมื่อการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของกรุงปักกิ่งค่อยๆชะลอตัวลง ประกอบกับรัฐบาลจีนกลับมาพยายามที่จะปรับสมดุลเศรษฐกิจและปกป้องสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบันอุตสาหกรรมเหล็กโลกมีมูลค่ารวมประมาณ 900 พันล้านเหรียญต่อปี ซึ่งถูกมองว่าเป็นดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจของโลก
แหล่งที่มา : Reuters