เมื่อวันพฤหัสสมาคมเหล็กของโลก (World Steel Association) ได้เปิดเผยข้อมูลการผลิตเหล็กดิบในเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 85% เมื่อเทียบกับปีก่อน การผลิตทั้งหมดในช่วง 11 เดือนแรกของปี อยู่ที่ 1.65 พันล้านตัน เพิ่มขึ้น 4.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน
การผลิตเหล็กดิบของจีนยังคงเป็นอันดับต้นในเดือนพฤศจิกายน โดยเพิ่มขึ้น 10.8% อยู่ที่ 77.6 ล้านตัน และในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายน การผลิตเหล็กของจีนโตขึ้น 6.7% อยู่ที่ 857.34 ล้านตัน
จีนได้มีการปิดโรงเหล็กที่ใช้เตาแบบเหนี่ยวนำ (induction furnaces) ที่ผิดกฏหมายมากที่สุดในปี 2017 ในขณะที่หมวดหมู่อื่นๆก่อนหน้านี้ไม่ได้มีการเก็บบันทึกสถิติอย่างเป็นทางการ
อินเดียงยังคงครองตำแหน่งผู้ผลิตรายใหญ่เป็นอันดับสอง โดยมียอดการผลิตในเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 8.49ล้านตัน ลดลง1.3%.
ในเดือนพฤศจิกายน การผลิตเหล็กดิบในกลุ่มประเทศยุโรป เพิ่มขึ้น 1.2% อยู่ที่ 14.14 ล้านตัน แต่ในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายนมีการผลิตลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 154.42 ล้านตัน
ผลผลิตเหล็กดิบของอิตาลีลดลง 1% อยู่ที่ 2.19 ล้านตัน และการผลิตในประเทศอื่นๆก็ลดลง อย่างเช่น เยอรมัน ลดลง 2.9% สเปน ลดลง 0.7% และ เนเธอร์แลนด์ ลดลง 2.2% ซึ่งถูกชดเชยจากการผลิตของฝรั่งเศษที่ เพิ่มขึ้น 12.8% อยู่ที่ 1.4 ล้านตัน
การผลิตเหล็กดิบของตุรกีอยู่ที่ 3.1 ล้านตัน ลดลง 2.1%.
เมื่อเดือนที่แล้วบราซิลมีการผลิตเหล็กดิบ อยู่ที่ 2.8 ล้านตัน ลดลง 6.1%.
การผลิตเหล็กดิบในกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) อยู่ที่ 8.03 ล้านตัน ลดลง 5.9%.
การผลิตเหล็กดิบในเดือนที่แล้วของยูเครน อยู่ที่ 1.7 ล้านตัน ลดลง 11.2%.
การผลิตเหล็กดิบของสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 11.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 7.4 ล้านตัน
— Laura Varriale
แหล่งที่มา : Steelbb