วันที่ 19 กันยายน 2565 นายประวิทย์ หอรุ่งเรือง ที่ปรึกษาสมาคมผู้ผลิตเหล็กทรงยาวด้วยเตาอาร์กไฟฟ้าเปิดเผยว่า จากสถานการณ์ต้นทุนการผลิตเหล็กเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งราคาวัตถุดิบ พลังงาน โดยเฉเพาะค่าไฟฟ้า ค่าขนส่ง ค่าแรง รวมทั้งได้รับผลจากการทุ่มตลาดของสินค้านำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมเหล็กนั้นอยู่ในอัตราที่ต่ำเพียง 30% เป็นเหตุให้ผู้ผลิตเหล็กจำเป็นต้องปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม สินค้าเหล็กในการก่อสร้าง ได้แก่ สินค้าเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต เหล็กรูปพรรณ เป็นสินค้าภายใต้การกำกับดูแลของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ดังนั้น ผู้บริโภคสามารถมั่นใจในระดับหนึ่ง ว่าการปรับราคานั้นสอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างแท้จริง

img_1442

ทั้งนี้ ราคาเศษเหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตเหล็กเส้นในปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 658 เหรียญสหรัฐต่อตัน ปรับเพิ่มขึ้น 42% จากปี 2564 ที่มีราคาอยู่ที่ 464 เหรียญสหรัฐต่อตัน ประกอบกับค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นพลังงานหลักในการหลอมเศษเหล็กได้ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นอีก 700-800 บาทต่อตัน โดยต้นทุนด้านพลังงานนั้นส่งผลกระทบทั่วทุกธุรกิจ แม้กระทั้งผู้ผลิตเหล็กหลักของโลกอย่างประเทศตุรกี ก็ได้ประกาศขึ้นราคาเหล็กแล้วตันละ 20-40 เหรียญสหรัฐ รวมทั้งการประกาศปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น

“ที่ผ่านมาผู้ผลิตสินค้าเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต จะถูกมองว่าเป็นผู้ร้ายในสายตาของผู้รับเหมา จากการปรับราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากปี 2564 แต่หากพิจารณาระดับราคาของสินค้าเหล็กเส้นในประเทศ เทียบกับประเทศต่าง ๆ แล้ว จะพบว่าสินค้าเหล็กเส้นของไทยมีราคาต่ำกว่าสินค้าของประเทศอื่นมาก

ตัวอย่างเช่น ในช่วงกลางปี 2564 ประเทศสิงคโปร์ ราคาเหล็กเส้นอยู่ที่ 738 เหรียญสหรัฐต่อตัน ประเทศตรุกีมีราคาเหล็กเส้น 740 เหรียญสหรัฐต่อตัน และประเทศจีนมีราคาเหล็กเส้น 852 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ประเทศไทยเสนอขายที่ 699 เหรียญสหรัฐต่อตัน และในยุคโควิด-19 ขณะที่ประเทศอื่นประสบปัญหาไม่สามารถนำเข้าสินค้า สินค้าขาดแคลน และมีราคาสูงเกินจริง แต่ประเทศไทยยังมีผู้ผลิตภายในคานอำนาจสินค้านำเข้าได้ จึงไม่ประสบกับปัญหาเหมือนกับประเทศต่าง ๆ”

สำหรับการปรับราคาเพิ่มขึ้น อาจมีผลกระทบไปยังผู้รับเหมาก่อสร้างได้ โดยผู้รับเหมาสามารถทำสัญญาระยะยาวกับผู้ผลิต (ยี่ปั๊ว) ในการซื้อสินค้าสำหรับงานนั้น ๆ รวมถึงพิจารณาถึงการบริหารจัดการ เพื่อลดต้นทุนให้มีการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การเลือกซื้อและเลือกใช้เหล็กคุณภาพสูง

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ