โดย khwankaew | พ.ย. 1, 2018 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สมาคมเหล็กโลก (World Steel Association) กล่าวว่า การผลิตเหล็กดิบของโลกในเดือนกันยายน รวมทั้งหมด อยู่ที่ 151.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ผลผลิตเหล็กของเอเชียในเดือนกันยายนอยู่ที่ 107.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 5.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยที่จีนผลิตเหล็กดิบในเดือนกันยายนอยู่ที่ 80.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายนของปี 2017
กลุ่มสหภาพยุโรป (EU) มียอดผลิตเหล็กดิบในเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 13.95 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และในขณะที่กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) มีผลผลิตลดต่ำลง 2.6% อยู่ที่ 8.39 ล้านตัน
ในอเมริกาเหนือมีการผลิตเหล็กดิบในเดือนกันยายนอยู่ที่ 10 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการขยายตัวของสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้น 9% มีผลผลิตอยู่ที่ 7.25 ล้านตัน
การผลิตเหล็กดิบของตุรกีในเดือนกันยายน อยู่ที่ 2.8 ล้านตัน ลดลง 5.9% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายนของปี 2017
ตลอดระยะเวลา 9 เดือนของปีนี้ การผลิตเหล็กดิบของโลกขยายตัวเพิ่มขึ้น 4.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที 1.35 พันล้านตัน
การผลิตเหล็กของเอเชียสะสม 9 เดือน อยู่ที่ 946.8 ล้านตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยที่จีนมีการผลิตทั้งหมดอยู่ที่ 699.42 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน
การผลิตเหล็กดิบของกลุ่มสหภาพยุโรปใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2018 อยู่ที่ 128 ล้านตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
การผลิตเหล็กดิบในอเมริกาเหนือสะสม 9 เดือนอยู่ที่ 89.7 ล้านตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่สหรัฐอเมริกา
มีการผลิตสะสม 9 เดือนอยู่ที่ 64.17 ล้านตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) มีการผลิตเหล็กดิบสะสม 9 ดือนอยู่ที่ 76.2 ล้านตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2017
การผลิตเหล็กดิบของตุรกีสะสม 9 เดือน อยู่ที่ 28.0 ล้านตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
Cr. Wojtek Laskowski
แหล่งที่มา : Steel BB
โดย khwankaew | ต.ค. 25, 2018 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สมาคมเหล็กโลก (World Steel Association) กล่าวว่า การผลิตเหล็กดิบของโลกในเดือนกันยายน รวมทั้งหมด อยู่ที่ 151.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ผลผลิตเหล็กของเอเชียในเดือนกันยายนอยู่ที่ 107.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 5.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยที่จีนผลิตเหล็กดิบในเดือนกันยายนอยู่ที่ 80.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายนของปี 2017
กลุ่มสหภาพยุโรป (EU) มียอดผลิตเหล็กดิบในเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 13.95 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และในขณะที่กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) มีผลผลิตลดต่ำลง 2.6% อยู่ที่ 8.39 ล้านตัน
ในอเมริกาเหนือมีการผลิตเหล็กดิบในเดือนกันยายนอยู่ที่ 10 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการขยายตัวของสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้น 9% มีผลผลิตอยู่ที่ 7.25 ล้านตัน
การผลิตเหล็กดิบของตุรกีในเดือนกันยายน อยู่ที่ 2.8 ล้านตัน ลดลง 5.9% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายนของปี 2017
ตลอดระยะเวลา 9 เดือนของปีนี้ การผลิตเหล็กดิบของโลกขยายตัวเพิ่มขึ้น 4.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที 1.35 พันล้านตัน
การผลิตเหล็กของเอเชียสะสม 9 เดือน อยู่ที่ 946.8 ล้านตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยที่จีนมีการผลิตทั้งหมดอยู่ที่ 699.42 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน
การผลิตเหล็กดิบของกลุ่มสหภาพยุโรปใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2018 อยู่ที่ 128 ล้านตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
การผลิตเหล็กดิบในอเมริกาเหนือสะสม 9 เดือนอยู่ที่ 89.7 ล้านตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่สหรัฐอเมริกา
มีการผลิตสะสม 9 เดือนอยู่ที่ 64.17 ล้านตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) มีการผลิตเหล็กดิบสะสม 9 ดือนอยู่ที่ 76.2 ล้านตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2017
การผลิตเหล็กดิบของตุรกีสะสม 9 เดือน อยู่ที่ 28.0 ล้านตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
— Wojtek Laskowski
แหล่งที่มา : Steel BB
โดย khwankaew | ต.ค. 17, 2018 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
“พาณิชย์” จับตาเหล็กจีนทะลักเข้าไทย เหตุรัฐบาลจีนเพิ่มอัตราการคืนภาษีส่งออกให้ผู้ส่งออกเหล็กในประเทศ หลังเหล็กจีนส่งออกไปสหรัฐฯไม่ได้ เผยผู้ผลิตไทยได้รับผลกระทบ ร้องพาณิชย์ให้ใช้มาตรการสกัดได้ พร้อมจับตาเป็นการอุดหนุนส่งออกหรือไม่ ถ้าใช้ผิดดับบลิวทีโอแน่ เล็ง ขอหารือหาทางแก้ไข
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้ผลิตเหล็กของไทยเป็นห่วงสินค้าเหล็กจากจีนอาจทะลักเข้าไทยจำนวนมากหลังจากที่รัฐบาลจีนเพิ่มอัตราการคืนภาษีส่งออกให้กับผู้ส่งออกเหล็กจีน และเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์หามาตรการแก้ปัญหาว่า กรม ได้ติดตามสถานการณ์เหล็กอย่างใกล้ชิด เพราะทราบดีว่า หลังจากที่สหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม ตามมาตรา 232 กฎหมายการค้า Trade Expansion Act 1962 ไปแล้ว อาจทำให้เหล็กจากจีนส่งออกไปสหรัฐฯไม่ได้ และต้องส่งออกมาประเทศอื่นแทน และยิ่งมีการเพิ่มอัตราการคืนภาษีส่งออกให้อีก ก็ยิ่งเป็นแรงจูงใจให้มีการส่งออกเพิ่มขึ้น
“กรมได้จับตามาตั้งแต่สินค้าจีนถูกสหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าเรื่อยมาจนถึงการใช้มาตรการคืนภาษี เพราะอาจจะมีเหล็กจากจีนที่ไม่สามารถส่งออกไปสหรัฐฯ ทะลักเข้ามาในไทย หรืออาจจะมีการส่งเหล็กเข้ามาขายในราคาถูกกว่าขายในจีนแบบเป็นการทุ่มตลาด ซึ่งกรมพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ผลิตในประเทศ หากได้รับผลกระทบ โดยมีมาตรการที่จะใช้ได้ ทั้งการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) และการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด)”
ทั้งนี้ ในปัจจุบันไทยใช้มาตรการเอดีกับเหล็กจากจีนอยู่แล้วถึง 12 รายการ เพราะมีการทุ่มตลาดในไทยจริง และได้เรียกเก็บภาษีเอดีกับเหล็กจากจีนเพิ่มขึ้น ซึ่งต่อไปหากเหล็กจากจีนเข้ามาทุ่มตลาด และเป็นสินค้าในกลุ่ม 12 รายการเดิม ผู้ผลิตก็สามารถร้องเรียนให้พิจารณาทบทวนอัตราอากรเอดีได้ ซึ่งอาจจะเก็บเพิ่มขึ้นเพื่อให้เท่ากับที่มีการทุ่มตลาด หรือใช้มาตรการเซฟการ์ดเพื่อสกัดการนำเข้า แต่ถ้าเป็นเหล็กรายการใหม่ ก็สามารถยื่นเรื่องเข้ามายังกรมฯ เพื่อให้พิจารณาใช้มาตรการได้
ด้านนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมอยู่ระหว่างการติดตามกรณีดังกล่าว และขอความร่วมมือสำนักพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ให้ตรวจสอบข้อมูล และรายงานกลับมาให้กรม ทราบด้วย คาดว่าจะทราบข้อมูลที่ชัดเจนในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลเบื้องต้น การคืนภาษีส่งออก ไม่ถือว่าผิดกฎองค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) หากคืนในอัตราเดียวกับอัตราที่จัดเก็บ แต่หากคืนเกินกว่าอัตราการจัดเก็บจะเป็นการอุดหนุนการส่งออก และทำให้ราคาเหล็กของจีนในตลาดโลกบิดเบือนไปจากความเป็นจริง ส่งผลให้ผู้ส่งออกจากประเทศอื่นแข่งขันไม่ได้ และได้รับผลกระทบ ซึ่งถือว่าผิดกฎดับบลิวทีโอ และกรมคงต้องขอหารือกับจีน เพื่อให้แก้ไขการใช้มาตรการดังกล่าวด้วย ขณะเดียวกัน หากจีนมีการส่งสินค้าเข้ามาในไทยจำนวนมาก จนผู้ผลิตเหล็กของไทยได้รับผลกระทบ ไทยก็สามารถใช้มาตรการป้องกันและแก้ไขอื่นๆได้อีก
“ไทยเองมีมาตรการคืนภาษีส่งออกให้ผู้ส่งออกเช่นกัน อย่างการคืนภาษีตามมาตรา 19 ทวิ ซึ่งไม่ถือว่าผิดกฎดับบลิวทีโอ แต่กรณีของจีนขณะนี้ ยังไม่ชัดเจนรัฐบาลจีนคืนภาษีส่งออกอย่างไร หากคืนให้เกินกว่าที่จัดเก็บจริง ประเทศที่ได้รับผลกระทบสามารถฟ้องร้องดับบลิวทีโอได้ แต่สำหรับไทย คงจะขอหารือกับจีนก่อน คงไม่ถึงขั้นฟ้องร้อง เพราะใช้เวลานาน แต่หากมีการส่งออกมาไทยจำนวนมากจนผู้ผลิตเหล็กไทยได้รับผลกระทบ ผู้ผลิตเหล็กไทยก็สามารถร้องขอให้กระทรวงพาณิชย์เปิดการไต่สวนการตอบโต้”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า รัฐบาลจีนได้ปรับโครงสร้างการคืนภาษีส่งออกให้กับผู้ส่งออกในประเทศสำหรับสินค้า 397 รายการ โดยเป็นสินค้าเหล็กถึง 85 รายการ เช่น เหล็กแผ่นรีดเย็นที่ความหนามากกว่า 3 มิลลิเมตร (มม.) ที่คืนภาษีส่งออกเพิ่มขึ้นจาก 9% เป็น 13%, เหล็กเคลือบสีที่มีความกว้างน้อยกว่า 600 มม. คืนภาษีจาก 0% เป็น 9% เป็นต้น และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.61 ถือเป็นแรงจูงใจให้มีการส่งออกเพิ่มขึ้น และทำให้เกิดปัญหาเหล็กส่วนเกินในตลาดโลกเพิ่มขึ้น โดยเหล็กเหล่านี้อาจมีการส่งออกมาอาเซียนและไทย.
Cr.ไทยรัฐ
โดย khwankaew | ต.ค. 11, 2018 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก

Cr. iiu.isit.or.th
โดย khwankaew | ต.ค. 5, 2018 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
เมื่อวันอังคารได้มีการเปิดเผย รายงานของ Australia’s Department of Industry, Innovation and Science ได้คาดการณ์ว่าในปี 2018 การผลิตเหล็กของจีนจะอยู่ในระดับสูงสุด ก่อนที่จะลดระดับลงในปี 2019 เนื่องจากความต้องการในประเทศที่ลดลง
จากรายงานดังกล่าว ได้ประเมินการผลิตของจีนอยู่ที่ 886 ล้านตัน ในปีนี้ และจะลดลงอยู่ที่ 861 ล้านตัน ในปี 2019 และอยู่ที่ 842 ล้านตัน ในปี 2020
การผลิตของประเทศถูกขับเคลื่อนจากความต้องการที่แข็งแกร่งจากภาคการก่อสร้าง และส่วนที่รองลงมาคือการผลิตยานยนต์ การบริโภคเหล็กของจีนคาดว่าจะลดลง 1.9% ในปี 2019 และจะลดลง 2.3% ในปี 2020 อยู่ที่ 776 ล้านตัน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการก่อสร้างที่อยู่อาศัย และการลงทุนภาครัฐที่ล่าช้า
โดยที่การคาดการณ์ของ Australia’s Department of Industry, Innovation and Science สอดคล้องกับการคาดการณ์ของChina Iron and Steel Association (CISA )โดยระบุว่าปัจจัยสำคัญคือความพยายามในการลดมลพิษของจีน
Jim Su Chang Yong, director of CISA’s international company department. ได้กล่าวว่า ณ ตอนนี้ เศรษฐกิจของจีนได้ก้าวสู่ยุคใหม่และอุตสาหกรรมเหล็กของจีนได้ก้าวเข้าสู่ฉากใหม่ของอุตสาหกรรมได้ก็ต่อเมื่อการผลิตและการบริโภคอยู่ในระดับสูงสุด และมีความขัดแย้งของโครงสร้างอุปสงค์-อุปทานที่ไม่สมดุลในระยะยาว
Jim Su กล่าวว่า “การผลิตที่ลดลงในช่วงheating seasonของปีที่แล้ว ที่มีผลต่อการผลิตเหล็กในเขตBeijing-Tianjin Hebei มาในปีนี้ผลกระทบจากการควบคุมการผลิตเพื่อสิ่งแวดล้อมซึ่งขยายไปยังYangtze River Deltaและ Fenwei Plain อย่างรวดเร็ว” กระทรวงการคลังจีนได้กล่าวเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน การผลิตภายในประเทศดูเหมือนเผชิญกับแรงกดดัน จากการที่จีนได้ปรับลดภาษีนำเข้าโลหะหลายชนิดซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์เหล็ก โดยลดลง จาก 11.5% เหลือเพียง8.4% ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน โดยการลดภาษีเป็นส่วนหนึ่งในการพยายามที่จะเพิ่มการนำเข้าของปี 2018 โดยจะมีผลกับการนำเข้าเครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า และสิ่งทอ
ทางด้านรัฐบาลของออสเตรเลียกล่าวว่า มาตราการที่จะใช้ในช่วงในฤดูหนาวของปี 2018–19 มีเป้าหมายที่จะลดกำลังการผลิตของเตา blast furnace (BF) ในเมืองที่ได้ระบุไว้แล้ว คาดว่าการควบคุมด้านมลพิษดังกล่าวจะมีผลต่อการผลิตเหล็กมากกว่า 440 ล้านตันของกำลังการผลิต ซึ่งคล้ายกับการลดอุปสงค์สำหรับวัตถุดิบในการผลิตเหล็ก เช่น สินแร่เหล็กและmetallurgical coal
หน่วยงานของออสเตรเลีย กล่าวว่า 8 เดือนแรกของปี 2018 การส่งออกเหล็กของจีนลดลง 13% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีปริมาณอยู่ที่ 47 ล้านตัน ซึ่งความต้องการภายในประเทศที่แข็งแกร่งจะเป็นตัวดูดซับผลผลิตภายในประเทศที่มากขึ้น
โดยคาดว่าการส่งออกจะเพิ่มมากขึ้น จะเป็นผลโดยตรงจากตลาดเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม การผลิตที่ลดลงจะมีผลต่อศักยภาพในการผลิตเพื่อการส่งออก
— Clement Choo
แหล่งที่มา : Steel BB
Cr. iiu.isit.or.th
โดย khwankaew | ต.ค. 2, 2018 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
ในเดือนสิงหาคมการส่งออกเหล็กของประเทศญี่ปุ่นลดลง 0.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่3.15ล้านตัน แต่ยังคงเพิ่มขึ้น3.9% เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม โดยข้อมูลได้ถูกเปิดเผยจากสมาพันธ์เหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่าน สมาพันธ์เหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศญี่ปุ่น ได้ให้ข้อมูลว่า การส่งออกมีเสถียรภาพมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผู้ผลิตเหล็กได้รับความสนใจจากอุปทานภายในประเทศในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาและมีปริมาณเหลือไม่มากสำหรับการส่งออก
และเพิ่มเติมต่อว่า การลดลงของการส่งออกของเหล็กกล้าคาร์บอนในเดือนสิงหาคมนั้น สมดุลกับการส่งออกเหล็กชนิดพิเศษที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการเหล็กพิเศษจากภาคยานยนต์ในเอเชียเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ในเดือนสิงหาคมการส่งออกเหล็กกล้าคาร์บอนอยู่ที่ 2.03 ล้านตัน ลดลง 4.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 6.5% จากเดือนกรกฎาคม ในขณะที่การส่งออกเหล็กชนิดพิเศษ อยู่ที่ 700,193 ตัน เพิ่มขึ้น 12.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 4.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน
การส่งออกเหล็กของญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม ส่งออกไปยังประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 515,832 เพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนกรกฎาคม ส่งออกไปยังประเทศจีน อยู่ที่ 473,987 ตัน เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 6.6% จากเดือนก่อนหน้า ส่งออกไปยังเกาหลีใต้ อยู่ที่ 435,152 ตัน ลดลง 16.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 5.5% จากเดือนก่อนหน้า และส่งออกไปยังสหรัฐฯ อยู่ที่ 113,663 ตัน ลดลง 38.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและลดลง 0.7% จากเดือนกรกฎาคม
สมาพันธ์เหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศญี่ปุ่น ให้เหตุผลของการส่งออกไปยังสหรัฐฯที่ลดลง เป็นผลมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากประเทศในเอเชียได้รับเอาอุปทานไป ขณะที่มาตรการที่ดำเนินการโดยสหรัฐฯ เช่น มาตรา 232 ไม่ได้เป็นสาเหตุหลักของการลดลง
— Yoko Manabe
| Japan’s steel exporrt in August |
|
| Source: JISF |
|
|
[metric tons] |
Chg m-o-m |
Chg y-o-y |
| Sections |
59,152 |
+61.4% |
+16.7% |
| Bars |
34,276 |
-25.4% |
-22.1% |
| Wire rods |
53,612 |
+52.2% |
+25.8% |
| Plates |
216,418 |
-5.6% |
+49.0% |
| HRC |
942,073 |
+9.5% |
-16.8% |
| CRC |
212,450 |
+1.7% |
+11.7% |
| Galvanized |
245,193 |
+8.9% |
+4.9% |
| Ordinary steel |
2,034,906 |
+6.5& |
-4.2% |
| Special steel |
700,193 |
+4.3% |
+12.4% |
| Semi finished |
331,161 |
-7.4% |
-5.6% |
| Total export |
3,151,765 |
+3.9% |
-0.9% |
แหล่งที่มา : SteelBB
Cr. iiu.isit.or.th