Warning: "continue" targeting switch is equivalent to "break". Did you mean to use "continue 2"? in /home/thanasarnc/domains/thanasarn.co.th/public_html/wp-content/themes/divi/includes/builder/functions.php on line 4783
ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก Archives - Page 10 of 39 - ตัวแทนจำหน่ายเหล็กทุกชนิด เหล็กเส้น เหล็กไวแฟรงค์ เหล็กเฮชบีม เหล็กไอบีม ราคายุติธรรม google.com, pub-1539147387772263, DIRECT, f08c47fec0942fa0
การนำเข้าเหล็กของจีนเพิ่มขึ้น

การนำเข้าเหล็กของจีนเพิ่มขึ้น

การนำเข้าเหล็กสำเร็จรูปของจีนในเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 1.063 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่ยังคงลดลง 53% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า การนำเข้าในช่วง เดือนมกราคม-สิงหาคม ต่ำกว่าระดับของปีที่แล้ว 22% ที่ 9.46 ล้านตัน เนื่องจากฐานสูงในปี 2020

ส่งผลให้การส่งออกเหล็กสำเร็จรูปสุทธิอยู่ที่ 3.99 ล้านตัน ในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 177% เมื่อเทียบกับปีก่อน การส่งออกสุทธิในช่วง เดือนมกราคม-สิงหาคม เพิ่มขึ้น 59% เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 38.644 ล้านตัน

ผู้ค้าบางรายคาดว่า การนำเข้าเหล็กแท่ง (billet) อาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนต่อๆ ไป แต่การนำเข้าเหล็กโดยรวมไม่น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศที่คาดว่าจะยังคงอ่อนแอ เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนชะลอตัวในช่วงที่เหลือของปี 2021

— Steel Business Briefing
แหล่งที่มา : Steel Business Briefing

การส่งออกเหล็กของจีนในเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 35.8% YoY

การส่งออกเหล็กของจีนในเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 35.8% YoY

ตามสถิติของกรมศุลกากร การส่งออกเหล็กของจีนในเดือนกรกฎาคม อยู่ที่ 5.669 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1.493 ล้านตัน หรือ 35.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ด้านการนำเข้าเหล็กในเดือนกรกฎาคม มีจำนวนทั้งสิ้น 1.049 ล้านตัน ลดลง 1.557 ล้านตัน หรือ 59.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ในเดือนมกราคมถึงกรกฎาคม การส่งออกเหล็กของจีนอยู่ที่ 43.051 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 10.174 ล้านตัน หรือ 30.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้าเหล็กในช่วงเวลาเดียวอยู่ที่ 8.397 ล้านตัน ลดลง 1.549 ล้านตั นหรือ 15.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

—steelhome

แหล่งที่มา : steelhome

วิกฤตการณ์เหล็กแพง ยังคงเป็นประเด็นที่ผู้ประกอบในอุตสหกรรมต้องเกาะติด

วิกฤตการณ์เหล็กแพง ยังคงเป็นประเด็นที่ผู้ประกอบในอุตสหกรรมต้องเกาะติด

วิกฤตการณ์เหล็กแพง ยังคงเป็นประเด็นที่ผู้ประกอบในอุตสหกรรมต้องเกาะติดเอาเพื่อปรับตัวในการทำธุรกิจวันนี้เรามาดูกันว่าครึ่งปีหลังมีโอกาสที่จะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง เพื่อให้เราปรับตัวได้อย่างทันต่อสถานการณ์ เราได้นำมาฝากถึง 7 ปัจจัยด้วยกันไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
ขอบคุณที่มากจาก : เพจ เหล็ก. com – ชุมชนคนขายเหล็ก
.
1.ดัชนีเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวชัดเจน ทั้งดัชนีความเชื่อมั่น (confidence Index) ดัชนีการลงทุน (capital expenditure index) ดัชนีคำสั่งซื้อสินค้า (order index) และดัชนีการจ้างงาน (employment index) ก็ปรับขึ้นใน Q1/2021
.
2.เศรษฐกิจประเทศที่พัฒนาแล้วฟื้น ใน Q1/2021 ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% จากเดิมที่ติดลบใน Q4/2020 เศรษฐกิจจีนขยายตัว 18.3% จาก Q4/2020 ที่ขยายตัว 6.5% และสหรัฐฯ ขยายตัว 6.4% จากที่ขยายตัว 4.3% ใน Q4/20
.
3. ยอดขายรถใหม่เพิ่มขึ้น ในตลาดยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดีย โดยเฉพาะจีนเพิ่มขึ้น 76% รวมไปถึงยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ในตลาดจีนที่เพิ่มขึ้น เช่นกัน
.
4.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน โดยสหรัฐฯ จำนวน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และจีน 506 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ
.
5.ดัชนีก่อสร้างโลกฟื้นตัวทุกประเทศ (Global Construction Activity Index) เป็น +14 ใน Q1/2021 เพิ่มจาก +3 ใน Q4/2020 “CO2 Impact” อุตสาหกรรมเหล็กจีนปล่อย CO2 มากที่สุด ปีละ 1,500 ล้านตัน (ปี 2020) สัดส่วน 20% รองจากอุตสาหกรรมพลังงงาน โดย 1 ตันของ CO2 มีความสูง 10 เมตรและมีปริมาตร 556 ลูกบาศก์เมตร ซึ่ง 1 ลูกบาศก์เมตร = 1,000 ลิตร ทำให้อุตสาหกรรมเหล็กต้องลดกำลังการผลิต ปี 2560 จีนผลิตเหล็กรวม 850 ล้านตัน (เป็น 50% ของโลก จากเดิมที่มีสัดส่วนเพียง 30%) เฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 33 ล้านตัน ปี 2561 ผลิต 886 ล้านตัน ความต้องการใช้ภายในประเทศ 810 ล้านตัน
.
6.รัฐบาลจีนต้องการลดกำลังการผลิตเหล็กเพราะถูกกดดันจากนานาประเทศด้วย 2 เหตุผล คือผลิตเหล็กราคาถูกมาทุ่มตลาด และผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าลดลงปีละ 150 ล้านตัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าว จีนจึงทำ 2 เรื่องคือย้ายฐานการผลิตเหล็กเข้าไปอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวียดนาม 2.เมืองถังชาน (Tangshan) “เมืองหลวงเหล็กของจีน” ห่างจากปักกิ่ง 200 กิโลเมตร อยู่ทางตอนเหนือของเหอเป่ย ลดกำลังการผลิต 30-50% (ผลิตปีละ 114 ล้านตัน) ใน 23 โรงงานถลุงเหล็กของปี 2021 เพราะจีนมีพันธะสัญญาว่า CO2 เป็นศูนย์ในปี 2060 ในขณะที่สหรัฐฯ และยุโรปเป้าหมายในปี 2050
.
7.ข้อพิพาทการค้าจีนกับออสเตรเลีย จีนพึ่งแร่เหล็ก (Iron Ore) จากออสเตรเลีย 60% ราคาปรับขึ้น 114% (จากเมษายน 2563 อยู่ที่ 84 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เป็น 180 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในเมษายน 2564)
ครม.อนุมัติขยายเวลาบังคับใช้การแสดงรายละเอียดบนเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์ออกไปอีก 180 วัน

ครม.อนุมัติขยายเวลาบังคับใช้การแสดงรายละเอียดบนเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์ออกไปอีก 180 วัน

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา มีการพิจารณาเรื่อง ร่างกฎกระทรวง กำหนดลักษณะ การทำ วิธีแสดง และการใช้เครื่องหมายมาตรฐานกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 2563 โดยคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เสนอ ขยายระยะเวลาบังคับใช้ออกไปอีก 180 วัน

ทั้งนี้ ตามที่ได้มีกฎกระทรวงกำหนดลักษณะ การทำ วิธีแสดง และการใช้เครื่องหมายมาตรฐานกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2563 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2563 และจะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป คือวันที่ 21 มกราคม 2564

โดยมาตรา 5 วรรคท้าย แห่งกฎกระทรวงฯ บัญญัติให้การแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องหมายมาตรฐานรวมทั้งใบอนุญาตและข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (QR Code) ซึ่งทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกลุ่ม 7 สมาคมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กไทยได้มีหนังสือถึง อก. เพื่อขอให้ อก.พิจารณาขยายระยะเวลาการบังคับใช้กฎกระทรวงดังกล่าวออกไปอีก 6 เดือน เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีเวลาในการเตรียมความพร้อมได้มากยิ่งขึ้น

เนื่องจากการแสดงใบอนุญาตและข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (QR Code) ตามที่กำหนดในข้อ 5 วรรคท้ายของกฎกระทรวงดังกล่าว มีผลกระทบต่อผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมในหลายผลิตภัณฑ์ที่ไม่สามารถดำเนินการตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดได้ เช่น การปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต และการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ทาง อก.โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมพิจารณาแล้วเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถเตรียมความพร้อมในการดำเนินการแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับใบอนุญาตและข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (QR Code) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อก.จึงได้ดำเนินการยกร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะ การทำ วิธีแสดง และการใช้เครื่องหมายมาตรฐานกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เพื่อขยายระยะเวลาการบังคับใช้กฎกระทรวงกำหนดลักษณะ การทำ วิธีแสดง และการใช้เครื่องหมายมาตรฐานกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2563 เฉพาะการแสดงรายละเอียดใบอนุญาตและข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามข้อ 5 วรรคสุดท้าย ออกไปอีกหนึ่งร้อยแปดสิบวัน

ทั้งนี้ เมื่อครบกำหนด ผู้รับใบอนุญาตแสดงเครื่องหมายมาตรฐานกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ใบอนุญาตทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ใบอนุญาตนำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเข้ามาเพื่อจำหน่ายในราชอาณาจักร จะต้องแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องหมายมาตรฐาน รวมทั้งใบอนุญาตและข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (QR Code) ให้เห็นได้ง่ายและชัดเจนบนผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือสิ่งบรรจุ หีบห่อ สิ่งหุ้มห่อ หรือสิ่งผูกมัด

แหล่งที่มา : SMEs manager

ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อน(HRC)ในเอเชียมีทิศทางที่หลากหลาย

ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อน(HRC)ในเอเชียมีทิศทางที่หลากหลาย

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. เหล็กแผ่นรีดร้อน (hot-rolled) ในเอเชียมีแนวโน้มที่หลากหลาย เนื่องจากราคาเสนอขายและราคาในประเทศของจีนยังคงมั่นคง ท่ามกลางราคาซื้อขายในตลาดล่วงหน้าที่แข็งแกร่ง ขณะที่กิจกรรมการซื้อขายในเวียดนามหยุดชะงักอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตท้องถิ่นอย่าง Formosa Ha Tinh Steel.
          Platts ประเมินราคา HRC เกรด SS400 หนา 3 มม. ราคาอยู่ที่ $638/ตัน FOB จีน เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ราคาปรับขึ้น $2/ตัน จากวันก่อนหน้า และสำหรับการจัดส่ง CFR ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของเหล็กเกรดเดียวกัน ราคาประเมินอยู่ที่ $638/ตัน ปรับขึ้น $3/ตัน ในช่วงเวลาเดียวกัน.
          โรงงานเหล็กทางตะวันออกของจีนได้ปรับขึ้นราคาเสนอขาย $10/ตัน ราคาอยู่ที่ $650/ตัน FOB เพื่อไล่ตามราคาในประเทศที่สูงขึ้นและราคาบ่งชี้ในการซื้อที่เพิ่มขึ้น ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดในประเทศจีนทำให้ผู้ซื้อบางรายระงับการซื้อขาย โดยผู้ในบางภูมิภาค อย่างเช่น ในอเมริกาใต้ยังคงไล่ตามราคา
          Platts ประเมินราคา HRC เกรด SAE1006 อยู่ที่ $660/ตัน FOB จีน ราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน และสำหรับการจัดส่ง CFR เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของสินค้าเกรดเดียวกัน ราคาประเมินอยู่ที่ $662/ตัน ลดลง $2/ตัน จากช่วงเวลาเดียวกัน
          ในเวียดนาม ผู้ซื้อได้หันกลับไปที่ผู้ผลิตท้องถิ่น อย่าง FHS เนื่องจากราคาเสนอขายใหม่สามารถแข่งขันได้เมื่อเทียบกับราคาของจีน โดยราคาเสนอขายของ FHS ที่ได้รายงานจากแหล่งข่าวท้องถิ่น มีราคาอยู่ที่ระหว่าง $652-$665/ตัน ดังนั้นสัญญาณบ่งชี้การซื้อสินค้านำเข้าของผู้ซื้อในท้องถิ่นจึงลดลง เนื่องจากพวกเขาไม่เต็มใจที่จะจ่ายเงินให้สูงกว่าราคาของ FHS
          ในเซี่ยงไฮ้ ราคาสปอตของ HRC (Q235) ขนาด 5.5 มม. ราคาประเมินอยู่ที่ 4,510 หยวน/ตัน ($691/ตัน) ex-stock โดยได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ราคาปรับขึ้น 10 หยวน/ตัน จากวันก่อน
          ในตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนล่วงหน้าที่เซี่ยงไฮ้ สัญญาที่มีความเคลื่อนไหวสูงสุดในเดือนพฤษภาคม ปิดราคาที่ 4,418 หยวน/ตัน ปรับเพิ่มขึ้น 44 หยวน/ตัน หรือ 1% ในช่วงเวลาเดียวกัน และแตะระดับสูงสุดใหม่ นับตั้งแต่ตลาดฟิวเจอร์สของ HRC เปิดตัวในเดือนมีนาคม 2014
          ในอีกด้านหนึ่ง Platts ประเมินราคาเหล็กแผ่นหนา (plate) เกรด Q235/SS400 ความหนา 12-25 มม. อยู่ที่ $605/ตัน CFR เอเชียตะวันออก ราคาปรับขึ้น $35/ตัน จากสัปดาห์ก่อน
          โรงงานเหล็กในจีน เสนอราคาขายอยู่ $610-$620/ตัน FOB สำหรับการจัดส่งเดือนมีนาคม โดยข้อตกลงซื้อขายล่าสุดสรุปราคากันที่ $615/ตัน FOB ราคาตลาดภายในประเทศของเกาหลีใต้ ราคาได้ปรับขึ้นมาอยู่ที่ $620-$630/ตัน ตามข้อเสนอขายที่สูงขึ้นจากโรงงานในประเทศ
          ในตลาดภายในประเทศที่เซี่ยงไฮ้ มีการซื้อขายสินค้าเกรดเดียวกันที่ราคา 4,350 หยวน/ตัน ex-stock ซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ราคาเพิ่มขึ้น 230 หยวน/ตัน จากสัปดาห์ก่อน
— Analyst Yuelin Dai, Ashima Tyagi
แหล่งที่มา : Steel Business Briefing
แนวโน้มดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนพฤศจิกายน ปี 2563

แนวโน้มดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนพฤศจิกายน ปี 2563

แนวโน้มดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนพฤศจิกายน ปี 2563

ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนพฤศจิกายน ปี 2563 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก จากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ รวมถึงราคาเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กในตลาดโลก ซึ่งมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากการเร่งลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนเป็นสำคัญ ขณะที่การก่อสร้างของภาคเอกชนยังคงชะลอตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้าง และราคาวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นไม่มากนัก แม้จะมีต้นทุนที่สูงขึ้น ประกอบกับปริมาณผลผลิตสินค้าวัสดุก่อสร้างที่ยังคงมีมากกว่าความต้องการ

350292

สภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งภายในและต่างประเทศ รวมทั้งความกังวลต่อการแพร่ระบาดระลอกสองของไวรัสโควิด-19 ความขัดแย้งทางการเมือง และมาตรการของสถาบันการเงินที่เข้มงวด เป็นปัจจัยกดดันให้ธุรกิจการก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังมีโอกาสฟื้นตัวจากผู้บริโภคในตลาดบน ที่ยังคงมีกำลังซื้อ และชาวต่างชาติ โดยเฉพาะจีน ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ที่ราคาปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก แม้จะยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศ ประกอบกับแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ และมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ น่าจะเป็นปัจจัยที่สามารถส่งเสริมความต้องการก่อสร้างภายในประเทศให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

ที่มา: สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า