โดย khwankaew | ก.ค. 3, 2019 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
ราคาส่งออกเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน (HDG) ของจีน เริ่มกลับมามีแนวโน้มขาขึ้นในเดือนมิถุนายนหลังจากที่ปรับลดลงในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากผู้ส่งออกชาวจีนได้เพิ่มราคาเสนอขายท่ามกลางราคาในประเทศที่สูงขึ้นในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน
วันที่ 1 ก.ค. Platts ประเมินราคาเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน (HDG) DX51D ความหนา 1.0 mm.ที่มีชั้นเคลือบสังกะสี 120 กรัม/ตารางเมตร ราคาอยู่ที่ $600-$605/ตัน FOB China โดยมีราคากึ่งกลางอยู่ที่ $602.50/ตัน FOB ปรับเพิ่มขึ้น $15.50/ตัน จากช่วงปลายเดือนพฤษภาคม
แหล่งข่าวในตลาดกล่าวว่า ราคาเสนอขายเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน (HDG) ที่เคลือบสังกะสี 120 กรัม/ตารางเมตร ทราบมาว่าราคาอยู่ที่ระดับเหนือกว่า $600/ตัน FOB China ซึ่งมากกว่าในช่วงสิ้นสุดสัปดาห์ที่แล้วในวันที่ 21 มิถุนายน อยู่ $20/ตัน
ผู้ค้าท้องถิ่นในทางใต้ของจีนกล่าวว่า อุปสงค์ดูเหมือนจะค่อนข้างดี เนื่องจากโรงงานเหล็กส่วนใหญ่ขายสินค้าได้หมด ภายในช่วงสิ้นเดือน
ผู้ซื้อขายในตลาดกล่าวว่า ผู้ซื้อในต่างประเทศยังคงไม่ได้ตามราคาการเสนอขายที่ปรับขึ้นของจีนและยังคงรอบดูสถานการณ์ก่อน
แหล่งข่าวจากบริษัทกล่าวว่า โรงงงานเหล็กหลักทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ได้แจ้งราคาเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน (HDG) ที่มีชั้นเคลือบสังกะสี 140 กรัม/ตารางเมตร เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ราคาอยู่ $605/ตัน FOB China สำหรับการส่งมอบในเดือนกันยายน บริษัทไม่ได้มีการทำข้อเสนอใหม่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งข้อตกลงซื้อขายได้ทำไปแล้วที่ระดับราคาดังกล่าวและคาดการณ์ว่าราคาจะปรับขึ้นอีก
ในวันเดียวกัน เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน (HDG) DX51D ความหนา 1.0 mm. ราคาสปอตในตลาดเซี่ยงไฮ้ ราคาประเมินอยู่ที่ 4,660-4,700 หยวน/ตัน ($681-$687/ตัน) ซึ่งราคานี่ได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว มีการปรับเพิ่มขึ้น 70/ตัน จากช่วงสิ้นเดือนปลายเดือนพฤษภาคม
ผู้ค้าท้องถิ่นในเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า ราคาผลิตภัณฑ์ทรงแบนในประเทศจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา เนื่องจากการลดการผลิตในเมือง Tangshan ของประเทศจีน อย่างไรก็ตามอุปสงค์ภายในประเทศของเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อนยังคงไม่มากนัก เนื่องจากความสนใจในการซื้อที่เบาบางจากผู้ใช้ปลายทาง อย่างในอุตสาหกรรมยานยนต์
— Lucy Tang
แหล่งที่มา : Steel Business Briefing
โดย khwankaew | มิ.ย. 27, 2019 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
แหล่งข่าวในภาคอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ปรับเพิ่มภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดต่อผลิตภัณฑ์เหล็กกล้ารีดร้อนของเกาหลีใต้เพียงเล็กน้อย แม้ว่า การขึ้นภาษีดังกล่าวยังไม่มีแนวโน้มว่า จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ผลิตเหล็กกล้าของเกาหลีใต้ เนื่องจากภาษีนำเข้าของสหรัฐทั้งหมด รวมถึงภาษีตอบโต้การอุดหนุนตลาด (CVD) จะลดลงอย่างมาก
แหล่งข่าวระบุว่า หลังจากการทบทวนครั้งแรกนั้น รัฐบาลสหรัฐได้ตัดสินใจกำหนดภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดที่ระดับ 10.11% และ 5.44% สำหรับบริษัทพอสโค ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ และ บริษัทฮุนได สตีล ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของเกาหลีใต้ ตามลำดับ
ในปี 2559 รัฐบาลสหรัฐได้กำหนดภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดที่ 4.61% และ 9.49% ต่อพอสโคและฮุนได สตีล ตามลำดับ และภาษีดังกล่าวได้ถูกปรับขึ้นเป็น 7.67% และ 3.95% ในการตัดสินใจขั้นต้นเมื่อเดือนพ.ย. 2561
แหล่งข่าววงในของอุตสาหกรรมเหล็กกล้า ระบุว่า สหรัฐได้ตัดสินใจที่จะปรับเพิ่มภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดโดยพิจารณาตามข้อมูลที่ปรากฏ (Adverse Facts Available หรือ AFA) ซึ่งจะอนุญาตให้เก็บภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดและภาษีตอบโต้การอุดหนุนตลาดในระดับสูงสุด หากบริษัทที่ถูกกล่าวหาไม่ได้ให้ข้อมูลตามที่ทางการสหรัฐเรียกร้อง
–อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กัลยาณี ชีวะพานิช/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th–
โดย khwankaew | มิ.ย. 5, 2019 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
วงการเหล็ก GI ซึม!!! กรมการค้าต่างประเทศไม่ไต่สวนต่อ อ้างยังไม่ปรากฏอย่างชัดแจ้งว่ามีความเสียหายอย่างร้ายแรงที่คุกคามอุตสาหกรรมภายใน สวนทางความจริงที่บางบริษัทขาดทุนและเลิกกิจการไปก่อนหน้านั้นแล้ว
แหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรมเหล็กเปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า เมื่อเร็วๆนี้นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้มีหนังสือถึง กรรมการผู้จัดการบริษัท อภิสิทธิ์ แอนด์ อัลลายแอนซ์ จำกัด ในฐานะผู้รับมอบอำนาจ บริษัท โพสโค โค้ทเต้ด สตีล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท กรุงเทพผลิตเหล็ก จำกัด (มหาชน) บริษัท ราชสีมาผลิตเหล็ก จำกัด และบริษัท ไทยแลนด์ไอออนเวิคส์ จำกัด (มหาชน) ถึงผลการพิจารณาคำขอให้พิจารณาดำเนินการกำหนดมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นและรีดร้อนเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน (GI) ที่เพิ่มขึ้น ตามที่ บริษัท อภิสิทธิ์ แอนด์ อัลลายแอนซ์ จำกัด ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทโพสโค โค้ทเต้ด สตีล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท กรุงเทพผลิตเหล็ก จำกัด (มหาชน) บริษัท ราชสีมาผลิตเหล็ก จำกัด และบริษัท ไทยแลนด์ไอออนเวิคส์ จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นคำขอให้พิจารณาดำเนินการกำหนด มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นและรีดร้อนเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน (GI) ที่เพิ่มขึ้นนั้น
กรมการค้าต่างประเทศได้ชี้แจงว่า กรมฯ ได้เสนอคำขอดังกล่าวต่อคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้องแล้ว โดยมีมติรับคำขอให้พิจารณาดำเนินการกำหนดมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้า เหล็กแผ่นรีดเย็นและรีดร้อนเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน (GI) ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจาก คำขอมีรายละเอียดและหลักฐานครบถ้วนถูกต้องแล้ว ตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติมาตรการปกป้อง จากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นพ.ศ.2550 แต่มีความเห็นว่าไม่ให้กรมการค้าต่างประเทศดำเนินการไต่สวนต่อไป แม้จะพบว่ามีการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเมื่อพิจารณาจากหลักฐานที่ผู้ยื่นคำขอเสนอมาประกอบกับเงื่อนไขพิจารณาความเสียหายตามมาตรา 17 ประกอบมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นพ.ศ.2550 แล้ว ยังไม่ปรากฏอย่างชัดแจ้งว่ามีความเสียหายอย่างร้ายแรงที่คุกคามอุตสาหกรรมภายใน
แหล่งข่าวจากกลุ่มผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นเคลือบสังกะสี (GI) เผยว่า ขณะนี้ เหล็ก GI มียอดนำเข้ามาจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึงหลัก 1 ล้านตันต่อปี หรือมากกว่านี้แล้ว ทำให้กดดันผู้ผลิตเหล็ก GI ในประเทศ เนื่องจากราคาเหล็กดังกล่าวนำเข้ามาถูกกว่าซื้อในประเทศ 2,000-3,000 บาทต่อตัน อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปีก่อน จากที่ตลาดในประเทศซื้อขายอยู่ที่ราคาตั้งแต่ 27,000-34,000 บาทต่อตัน ที่ส่วนใหญ่ลูกค้ามาจากกลุ่มผู้ผลิตท่อเหล็ก เฟอร์นิเจอร์ กลุ่มก่อสร้าง และกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า
“เวลานี้ผู้ผลิตในประเทศ 8-10 ราย กำลังเผชิญปัญหาการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ทั้งที่มีกำลังผลิตรวมในประเทศราว 1 ล้านตันต่อปี ซึ่งเพียงพอต่อการใช้ในประเทศ แต่กลับถูกแข่งขันโดยการนำเข้ามาขายในราคาต่ำกว่าในปริมาณที่เพิ่มขึ้นเป็นล้านตันต่อปี ทำให้หลายบริษัทเผชิญภาวะขาดทุน และก่อนหน้านี้ก็มีบางรายเลิกกิจการไป ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าเรามีปัญหา ”
ด้านสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลว่า ปัจจุบันการนำเข้าเหล็กGI สูงขึ้นต่อเนื่องและส่วนใหญ่มาจาก 3 ประเทศ ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน โดยข้อมูลปริมาณการนำเข้า GI ปี 2561 ทั้งปีมีปริมาณนำเข้ารวมทั้งสิ้น 1,398,819 ตัน โดยมาจากประเทศหลักๆคือจีนจำนวน 761,885 ตัน ,ญี่ปุ่น จำนวน 377,648 ตัน, เกาหลี จำนวน 143,104 ตัน และไต้หวัน จำนวน 116,111 ตัน
โดย khwankaew | มี.ค. 15, 2019 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
กระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมของมาเลเซียเปิดเผยว่า มาเลเซียได้มีการจัดเก็บภาษีเพื่อตอบโต้การทุ่มตลาดสูงถึง 16.13% ในสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์เหล็กทรงเหล็กทรงแบน ที่มาจากจีนและเวียดนามเป็นระยะเวลา 5 ปี มีผลตั้งแต่ 8 มีนาคม
ทางกระทรวงกล่าวว่า ภาษีได้ครอบคลุม “การนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล็กชนิดที่เจือและไม่เจอ (alloy or non-alloy) เหล็กแผ่นหนา (plated) เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีโดยวิธีจุ่มร้อนทั้งชนิดม้วนและชนิดแผ่น (galvanized iron coils/sheets or galvanized steel coils/sheets – galvanized iron)
ภาษีดังกล่าวเป็นผลมาจากการยื่นคำร้องโดยบริษัท FIW Steel โดยได้กล่าวว่าการนำเข้าเป็นสาเหตุให้ “เกิดความเสียหาย แก่บริษัทภายในประเทศ ที่ผลิตสินค้าประเภทเดียวกัน””
ในบรรดาผู้ผลิตของจีน บริษัท Angang Steel ถูกเก็บภาษีอยู่ที่ 10.02% บริษัท Bengang Steel Plates ถูกเก็บภาษีที่ 10.62% และบริษัท BX Steel POSCO Cold Rolled Sheet ถูกเก็บภาษีอยู่ที่ 5.47%. ในขณะที่ผู้ผลิตจีนรายอื่นๆได้ถูกเรียกเก็บภาษีที่ 16.13%.
ผู้ผลิตในเวียดนาม ที่ได้รับผลกระทบซึ่งได้รวมถึง บริษัท China Steel Sumikin ถูกเรียกเก็บภาษีอยู่ที่ระดับ 3.76% ในขณะที่ผู้ผลิตรายอื่นเผชิญกับการเก็บภาษีอยู่ 15.69% ซึ่งในการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวจะไม่ได้มีการเรียกเก็บจาก 3 บริษัท เนื่องจากการกำหนดราคาส่งออกของผลิตภัณฑ์ที่ส่งไปยังประเทศมาเลเซียนั้นสูงกว่าราคาภายในประเทศ ได้แก่ บริษัท China’s Fujian Kaijing Greentech Materials บริษัท Tianjin Haigang Steel Coil และ Vietnam’s Hoa Sen Group.
Cr.
— Clement Choo
แหล่งที่มา : Steel Business Briefing
โดย khwankaew | ม.ค. 17, 2019 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
เมื่อวันอังคาร Platts ประเมินราคาส่งออกบิลเล็ตของกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) อยู่ที่ $402/ตัน FOB Black ปรับเพิ่มขึ้น 4.50 ตัน เมื่อเทียบกับวันก่อน
แหล่งข่าวในตลาดหลายรายกล่าวว่า ผู้ผลิตของกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราชได้ต่อต้านการกดดันที่จะลดราคาให้ลงต่ำกว่าระดับ $400/ตัน FOB Black Sea โดยผู้ค้ากล่าวว่า ราคาเสนอขายสำหรับการส่งมอบในเดือนกุมภาพันธ์ อยู่ที่ at $410/ตัน FOB Black Sea ซึ่งผู้ซื้อในแอฟริกาเหนือเสนอราคาซื้ออยู่ที่ at $425-$430/ตัน CIF Tunisia ซึ่งมีการตั้งราคาเป้าหมายโดยผู้ค้า อยู่ที่ $390/ตัน FOB Black Sea ซึ่งระดับราคานี้ต่ำเกินไปที่โรงงานจะยอมรับ
ผู้ค้าอีกรายกล่าวว่า ราคาเสนอซื้อที่จะมีการส่งมอบสินค้าช่วงสิ้นเดือนมกราคม อยู่ที่ $410/ตัน FOB Black Sea ซึ่งได้ถูกปฎิเสธจากโรงงานเหล็ก ผู้ค้ากล่าวเพิ่มว่า ราคาเสนอขายอยู่ในช่วง $415-$420/ตัน FOB Black Sea โดยสำหรับสินค้าที่จะมีการส่งมอบกันในเดือนกุมภาพันธ์ราคาเสนอขายควรต่ำกว่า $410/ตัน FOB Black Sea.
แหล่งข่าวที่สำรวจตลาดรายวัน ไม่เชื่อว่าราคาจะต่ำกว่า $400/ตัน FOB นั้นจะเป็นไปได้ ถึงแม้จะมีการบ่งชี้จากผู้ซื้อก็ตาม
แหล่งที่มา : Steel Business Briefing
Cr. iiu.isit.or.th
โดย khwankaew | ม.ค. 15, 2019 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
แม้จะมีการลดลงอย่างเห็นได้ชัดในปริมาณการส่งออกของตุรกี ไปยังตลาดส่งออกดั้งเดิมบางแห่งตลอดทั้งปีเนื่องมาจากการกีดดันทางการค้า โรงงานเหล็กของตุรกีมีการส่งออกท่อเหล็กอยู่ที่ 2.1 ล้านตัน ในปี 2018 ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ท่อมีตะเข็บ (Welded pipe) เป็นสินค้าส่งออกหลักของโรงงานเหล็กในตุรกีเมื่อปีที่ผ่านมา โดยส่งออกอยู่ที่ 2.03 ล้านตัน ในขณะที่การส่งออกท่อไร้ตะเข็บ (seamless pipe ) ทั้งหมดอยู่เพียง 18,000 ตัน
แหล่งข่าวจากผู้ผลิตบอกกับ Platts ว่า สหภาพยุโรปยังคงเป็นจุดหมายปลายทางหลักของการส่งออกท่อของตุรกี โดยในเดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน อยู่ที่ 1.1 ล้านตัน เพิ่มขึ้นอยู่ที่ราว 20% เมื่อทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปยังภูมิภาคนี้ชะลอตัวลงในช่วงไตรมาสที่ 4 เนื่องมาจากเเรงกดดันจากการกำหนดโควต้านำเข้าของสหภาพยุโรป แต่คาดการณ์ว่าการจัดส่งจะฟื้นตัวในเดือนกุมภาพันธ์
โรงงานเหล็กของตุรกีได้ส่งออกท่อไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางในปี 2018 อยู่ที่ 353,000 ตัน ในขณะที่ส่งออกไปยังอเมริกาเหนือทั้งหมดอยู่ที่ 342,000 ตัน
ถึงแม้ปริมาณการส่งออกท่อของตุรกีจะเพิ่มขึ้นมากในปี 2018 แต่ลดลงอย่างมาก ถึง 23.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วอยู่ที่ 172,000 ล้าน ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุดของสมาคมผู้ส่งออกเหล็กของตุรกี (Turkish Steel Exporters’ Association (CIB))
– Cenk Can15
Cr. iiu.isit.or.th