โดย saweang | ม.ค. 21, 2020 | บทความเกี่ยวกับเหล็ก
ถึงแม้ว่าการแต่งบ้านสีขาวจะช่วยให้บ้านดูโล่ง กว้าง สะอาด และสบายตา แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าการแต่งเติมสีสันให้กับบ้านของเรานั้น สามารถช่วยให้เสริมบ้านดูสวยงามและน่าอยู่มากขึ้นได้ ทว่าถ้าหากใครยังไม่รู้ว่าจะเลือกใช้สีอะไรในการตกแต่งบ้านดี วันนี้กระปุกดอทคอมมีวิธีเลือกสีบ้านตามราศีเกิดมาฝาก รับรองเลยว่าเข้ากับลักษณะนิสัยของคนแต่ละราศี ช่วยเสริมให้บ้านน่าอยู่ และช่วยให้คุณเลือกสีแต่งบ้านได้ง่ายขึ้นแน่นอน
1. ราศีเมษ (Aries) : สีแดงเลือดหมู
ชาวราศีเมษเป็นคนธาตุไฟ มีนิสัยทะเยอทะยาน มีพลังงานเยอะ และมีความมั่นใจสูง จนสามารถเรียกได้ว่าเป็นราศีที่แซ่บสุด ๆ ในบรรดา 12 ราศี ฉะนั้นชาวราศีนี้จึงเข้ากันได้ดีกับโทนสีแดงเลือดหมู หรือสีส้ม ซึ่งเป็นโทนสีที่สว่าง ร้อนแรง หนักแน่น และช่วยกระตุ้นให้เกิดความกะปรี้กะเปร่า อีกทั้งยังทำให้รู้สึกมีพลังและฮึกเหิมได้ด้วย

2. ราศีพฤษภ (Taurus) : สีเขียว
ชาวราศีพฤษภเป็นคนธาตุดิน มีนิสัยแน่วแน่ หนักแน่น จนบางครั้งถูกมองว่าดื้อรั้น เหมาะกับการตกแต่งบ้านด้วยสีเขียว ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวอ่อน สีเขียวหม่น หรือสีเขียวนิล เพราะสีแห่งความเงียบสงบ แถมยังสื่อถึงความเป็นธรรมชาติ เรียกได้ว่าเหมาะกับคนราศีนี้ที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ให้กับชาวราศีพฤษภได้อีกด้วย

3. ราศีเมถุน (Gemini) : สีเหลือง
ชาวราศีเมถุนเป็นคนสนุกสนาน กระฉับกระเฉง ปรับตัวเข้ากับคนอื่นเก่ง ชอบเข้าสังคม และชอบอยู่เป็นกลุ่มกับเพื่อนฝูง จึงเหมาะกับสีเหลือง ซึ่งเป็นโทนสีที่สะท้อนตัวตนของชาวราศีเมถุนได้เป็นอย่างดี

4. ราศีกรกฎ (Cancer) : สีม่วงอ่อนหรือสีม่วงพาสเทล
ชาวราศีกรกฎเป็นคนที่มีอารมณ์ค่อนข้างอ่อนไหว จึงเหมาะกับสีม่วงอ่อนหรือม่วงพาสเทล เพราะเป็นโทนสีที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบาย และน่าอยู่ในแบบที่ชาวกรกฎต้องการ รวมถึงยังสามารถเพิ่มพลังและเพิ่มความสงบ ทำให้ชาวราศีกรกฎเข้มแข็งและมีอารมณ์มั่นคงมากขึ้นได้

5. ราศีสิงห์ (Leo) : สีเหลืองทอง
ชาวราศีสิงห์เป็นคนที่มีความสง่างามและมองโลกในแง่ดี จึงเหมาะแก่การเป็นผู้นำ อีกทั้งยังซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อผู้อื่นดุจราชสีห์ ทำให้เข้ากันได้ดีกับสีเหลืองทองหรือสีเหลืองอร่าม ซึ่งเป็นสีโทนร้อนที่ให้ความสว่างไสว เร้าใจ แต่ก็ดูสวยงามและหรูหราไปด้วยในขณะเดียวกัน

6. ราศีกันย์ (Virgo) : สีน้ำตาลครีมหรือสีน้ำตาลอมชมพู
ชาวราศีกันย์เป็นคนฉลาด พิถีพิถัน รักความสะอาดและความเป็นระเบียบ รวมถึงยังชอบความปราณีต เรียบร้อย ทำให้เหมาะกับสีโทนอ่อน โทนธรรมชาติ เช่น สีน้ำตาลครีมหรือสีน้ำตาลอมชมพู เพราะจะช่วยให้ห้องสวยเป็นระเบียบ สะอาดตา และเรียบง่ายในแบบชาวราศีกันย์ที่ชอบ

7. ราศีตุลย์ (Libra) : สีเขียวหยกหรือสีเขียวสว่าง
ชาวราศีตุลย์เป็นคนอ่อนโยน สดใส และมีความร่าเริง ทว่าก็เข้มแข็ง หนักแน่น ดื้อดึง และมีความเชื่อมั่นและมั่นใจในตัวเองสูงด้วยเช่นกัน จึงทำให้ชาวราศีนี้เหมาะกับโทนสีเขียว เช่น สีเขียวหยกหรือสีเขียวสว่าง เนื่องจากสีเขียวเป็นโทนสีที่สวยงาม มีความเป็นธรรมชาติ ให้ความสงบ อีกทั้งยังเป็นตัวแทนของความสามัคคีและความสมดุลด้วย

8. ราศีพิจิก (Scorpio) : สีน้ำตาลแดงหรือสีแดงทับทิม
ชาวราศีพิจิกเป็นอีกหนึ่งราศีสุดแซ่บ มีนิสัยทะเยอะทะยาน สุดโต่ง เจ้าอารมณ์ และมีแพชชั่นสูง ถ้าหากได้ทำอะไรแล้ว ก็จะทำสุดฝีมือ สุดความสามารถ จึงทำให้สีแดงเข้ม เช่น สีน้ำตาลแดงหรือสีแดงทับทิม เหมาะกับชาวราศีพิจิกมาก ๆ เพราะเป็นสีที่สื่อถึงอารมณ์และลักษณะนิสัยของชาวราศีนี้ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยให้เกิดความกล้าหาญมากขึ้นอีกด้วย

9. ราศีธนู (Sagittarius) : สีม่วงเข้มหรือสีม่วงอมแดง
ชาวราศีธนูเป็นคนที่ชอบมองโลกในแง่ดี ชอบความท้าทาย และชอบความเป็นอิสระจึงเหมาะกับโทนสีทึบ ๆ เข้ม ๆ เช่น สีม่วงเข้มหรือสีม่วงแดง เพราะเป็นโทนสีที่ให้พลังงานทางด้านจิตใจและให้ความสวยงามไปพร้อม ๆ กัน

10. ราศีมังกร (Capricorn) : สีน้ำเงินกรมท่าหรือสีเทาอ่อน
ชาวราศีมังกรเป็นคนสุขุม นุ่มลึก ซื่อสัตย์ สุจริต ขยัน และเชื่อถือได้ ที่สำคัญเป็นคนชอบการวางแผนล่วงหน้า ชอบความรอบคอบ ไม่ชอบความเสี่ยง อีกทั้งยังมีความอนุรักษนิยมหน่อย ๆ จึงเหมาะกับโทนสีกลาง ๆ เช่น สีน้ำเงิน สีกรมท่า และสีเทาอ่อน เพราะเป็นสีที่ปลอดภัย แต่งอย่างไรก็ไม่พัง แถมยังช่วยให้บรรยากาศในห้องดูสวยและน่าอยู่ได้แบบง่าย ๆ ด้วย

11. ราศีกุมภ์ (Aquarius) : สีฟ้าอ่อนหรือสีฟ้าน้ำทะเล
ชาวราศีกุมภ์เป็นคนธาตุน้ำ มีดาวยูเรนัสเป็นดาวประจำราศี มีลักษณะนิสัยแปลก แหวกแนว ชอบความเป็นอิสระ และค่อนข้างมีความคิดสร้างสรรค์ จึงเหมาะกับสีฟ้าอ่อนหรือสีฟ้าน้ำทะเล เพราะจะช่วยเสริมให้ชาวราศีนี้เกิดไอเดียคิดค้นอะไรใหม่ ๆ ได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ และมีจินตนาการที่บรรเจิดนั่นเอง

12. ราศีมีน (Pisces) : สีน้ำเงิน สีเขียวอมน้ำเงิน หรือสีฟ้าเทอร์คอยซ์
ชาวราศีมีนเป็นคนช่างคิด ช่างฝัน มีจินตนาการสูง อารมณ์อ่อนไหว แต่ใจดี และชอบเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ตามแบบฉบับคนธาตุน้ำ ทำให้เหมาะกับโทนสีฟ้าและสีน้ำเงิน เช่น สีฟ้าเทอร์คอยซ์ สีน้ำเงิน และสีเขียวอมน้ำเงินมาก ๆ เพราะโทนสีนี้สามารถช่วยให้ชาวราศีมีนผ่อนคลาย สบายอารมณ์ มีจิตใจและอารมณ์ที่สงบมากยิ่งขึ้น ไม่ฟุ้งซ้าน ที่สำคัญดูโรแมนติกไปอีกแบบด้วย

อย่างไรก็ตามการเลือกสีบ้านตามราศีเกิดเป็นเพียงแค่ตัวช่วยในการตัดสินใจเท่านั้น ถ้าหากใครไม่ชอบสีดังกล่าว ก็สามารถเลือกใช้สีอื่นได้ตามต้องการ แต่ถ้าหากใครยังสับสนและไม่รู้จะเลือกสีอะไรดีละก็ จะลองเลือกสีบ้านตามราศีเกิดก็ได้นะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก goodhousekeeping, housebeautiful และ apartmenttherapy https://home.kapook.com/view196411.html
โดย saweang | ม.ค. 15, 2020 | บทความเกี่ยวกับเหล็ก
บ้านและสวนตอบกระทู้สัปดาห์นี้ เรามีข้อสงสัย จากกระทู้พันทิปที่หลายคนยังข้องใจเกี่ยวกับเรื่องบ้าน เรื่องสวน กับคำถามยอดนิยมคำถามนี้เลยครับ “จะสร้างบ้านควรเลือก อิฐมอญหรืออิฐมวลเบา ดี”

จากคำถาม : ในเรื่องความทนทาน อายุการใช้งานและอุณหภูมิภายในห้องของอิฐสองแบบนี้ครับ รวมถึงเรื่องการที่จะประดับตกแต่ง การต่อเติมด้วยครับ
คลายข้อสงสัย : จากที่เจ้าของกระทู้ได้ถามมา ขอแยกเป็นข้อๆ เพื่อตอบให้ได้อย่างชัดเจนตามนี้ครับ
- ความทนทาน อายุการใช้งาน
- อุณหภูมิภายในบ้าน
- การตกแต่ง ต่อเติม


ความทนทาน อายุการใช้งาน
ในเรื่องของความทนทาน ความแข็งแกร่ง อิฐมอญจะได้เปรียบมากกว่าเพราะส่วนผสมที่ทำมาจาก ดินเหนียวปนทราย ผสม แกลบ และขี้เถ้า นำเข้าเตาอบ การยึดเกาะของเนื้อผิวจึงมีมากกว่า สามารถทุบ สกัด เจาะ ฝังอุปกรณ์ต่างๆ ที่รับน้ำหนักมากๆ ซึ่งต่างจากอิฐมวลเบาที่มีส่วนผสมทำมาจาก ทราย ซีเมนต์ ปูนขาว ยิปซั่ม และผงอลูมิเนียม มีรูพรุนอยู่ข้างในมากกว่า สามารถเกิดการแตกร้าวได้ง่ายกว่า

อุณหภูมิภายในบ้าน
คุณสมบัติในข้อนี้ต้องยกให้ อิฐมวลเบา เพราะเนื้ออิฐมีลักษณะเป็นฟองอากาศ มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนได้ดี แตกต่างจาก อิฐมอญ ที่เนื้ออิฐมีคุณสมบัติสะสมความร้อนได้ดี เมื่อโดนแสงแดดช่วงกลางวันจะแผ่ความร้อนเข้ามาภายในบ้าน ซึ่งถ้าห้องไหนก่อด้วยอิฐมอญ ควรมีการถ่ายเทอากาศออกสู่ภายนอกได้ ไม่เช่นนั้นต้องเปิดแอร์สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายอย่างมาก

การตกแต่ง ต่อเติม
อิฐมอญ นิยมนำมาตกแต่งในหลายสไตล์ สามารถใช่ก่ออิฐโชว์แนว สไตล์ลอฟท์ หรือวินเทจ ในขณะที่อิฐมวลเบาจะถูกนำมาใช้ก่อผนัง และฉาบปูนทับทั่วไป เรื่องการต่อเติมทั้ง 2 แบบ สามารถทำได้เหมือนๆ กัน ขึ้นอยู่กับใช้งาน เช่น ถ้าจะต่อเติม เจาะแขวนสิ่งของที่รับน้ำหนักมาก ผนังส่วนนั้นควรใช้อิฐมอญจะดีกว่า

ขอบคุณข้อมูลจากhttps://www.baanlaesuan.com/61950/maintenance/pantip-brick บ้านและสวน
โดย saweang | ธ.ค. 19, 2019 | บทความเกี่ยวกับเหล็ก
เมทัลชีท ข้อดีและข้อเสีย เมื่อนำแผ่นเมทัลชีทมามุงหลังคา
ในปัจุบันนี้ได้มีการออกแบบแบบบ้านทรงโมเดิล มากขึ้นส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบหลังคามากขึ้นด้วย จริงๆแล้วนอกจากทรงหลังคาแบบโมเดิลแล้ว หลังคาทรงจั่วหรือปั่นหยาก็สามารถ มุงด้วยแผ่นเมทัลชีทได้นะครับ
แล้วหลังคาเมทัลชีทมันคืออะไร
เอาตรงๆง่ายๆหลังคาเมทัลชีทก็คือ แผ่นเหล็กที่เอามารีดและทำเป็นลอน ดังรูป ซึ่งจริงๆแล้วแผ่นเมทัลชีท ทำได้หลายอย่างนะครับ ทำรั้ว ทำผนัง ทำหลังคา ได้หมด
หลังคาเมทัลชีทมีอะไรดี
การที่นำเมทัฃชีทมาทำเป็นหลังคานั้น มีข้อดีที่สำคัญมากๆๆเลยนะครับคือ
1. ป้องกันปัญหาการรั่วซึมของหลังคา
เพราะอะไรนั่นหรือ ก็คือเมทัลชีทสามารถผลิตได้แผ่นที่ยาวแบบไม่มีรอยต่อ เมื่อไม่มีรอยต่อก็จะไม่มีการรั่วซึมเช่นกัน
2. ความรวดเร็วในการทำงาน
เนื่องจากเมทัลชีทมาเป็นแผ่นยาวและทำการติดตั้งลักษณะเดียวกับ หลังคากระเบื้องลอนคู่ จึงมีความรวดเร็วมากในการทำงาน
3. เกิดความเสียหายกับตัววัสดุน้อยมาก
เพราะ เมทัลชีทที่นำมามุงหลังคานั้น ไม่แตกง่ายเหมือนกระเบื้องหลังคาทั่วไป
4. ความแข็งแรงทนทาน
ถ้าตามความเข้าใจของผู้เขียน แผ่นเมทัลชีท เป็นแผ่นโลหะที่เคลือบอลูซิงค์ ซึ่งจะแบ่งเกรดความแข็งแรงเป็นความหนาของแผ่นเมทัลชีทและความหนาของชั้นที่เคลือบอลูซิงค์ จากประสบการ์ของผู้เขียน แผ่นเมทัลชีท จะเสียหายก็ต่อเมื่อโดนสะเก็ด ลูกไฟ จากการ เชื่อมเหล็กจะทำให้แผ่นเมทัลชีทเสียหายได้
5. ฝนตกจะเสียงดังไหม ??
เคยมีการพูดถึงแผ่นเมทัลชีทว่ามันก็เป็นแผ่นสังกะสีนั่นเอง เวลาฝนตกเนี้ยเสียงจะดังมากจนอยู่ไม่ได้ แต่ … แผ่นเมทัลชีทจะมีการฉีดโฟมมาด้วยหรือจะมีแผ่นโฟมติดมาด้วยเพื่อลดเสียงและป้องกันความร้อนอีกชั้นหนึ่ง
ราคา !!! สำหรับราคาของแผ่น เมทัลชีท จะมีหลายแบบนะครับ ขึ้นอยู่กับความยาวการผลิต สีของแผ่น ความหนาของแผ่น ความหนาของชั้นเคลือบอลูซิ้ง ซึ่งเฉลี่ยตรามเมตรละ 450-750 บาท
สรุป
สำหรับผู้เขียนมีความคิดเห็นว่า แผ่นเมทัลชีทกำลังได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย ในหลายๆที่โดยเฉพาะต่างจังหวัด หากกำลังลังเลอยู่ แผ่นเมทัลชีทก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรือบ้านของท่านเหมือนกัน
ขอบคุณข้อมูลhttp://www.nucifer.com/2015/02/07/matelsheet/
โดย khwankaew | ธ.ค. 6, 2019 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
SEAISI กล่าวว่า กำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาวในภูมิภาคอาเซียนนั้นมีมากกว่าการบริโภค ในขณะที่ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบนนั้นมาจากการนำเข้าเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น ดูเหมือนว่าจะมีช่องว่างสำหรับกำลังการผลิตใหม่ๆ
ภาคการก่อสร้างในประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม ถูกคาดว่าจะสามารถสนับสนุนความต้องการส่วนใหญ่ ทั้งในผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาวและทรงแบนในปี 2019 และหลังจากนั้น
SEAISI คาดว่าภาคการก่อสร้างของเวียดนามจะเติบโตประมาณ 8-9% ต่อปีในช่วง 2019 – 2023 ในขณะที่มองว่าภาคการก่อสร้างของไทยจะขยายตัว 3.5%-5% ในปี 2019 และประมาณ 5.7% ในปี 2020
ถึงแม้ว่าการเติบโตของภาคการก่อสร้างของอินโดนีเซียจะถูกคาดว่า ในปี 2020 จะลดลงไปอยู่ที่ 5.72% จากการคาดการเติบโตในปี 2019 อยู่ที่ 6.82% โดยในปี 2020 ก็เป็นการพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการขยายเศรษฐกิจและการเติบโตภายในของอินโดนีเซีย
ในปี 2019 ภาคการก่อสร้างของฟิลิปปินส์ถูกคาดว่า จะโต 10% และสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศฟิลิปปินส์ ได้คาดการณ์ความต้องการเหล็กในปี 2019 และ 2020 ว่าจะเติบโต 6% ในแต่ละปี
นอกจากจะสนับสนุนความต้องการเหล็กในภูมิภาคอาเซียแล้ว โรงงานเหล็กใหม่ๆของจีน จะเพิ่มความต้องการวัตถุดิบ เนื่องจากโรงงานเหล็กจะเป็นเตาแบบ blast/basic oxygen furnace โดยกำลังการผลิตใหม่ๆจะสร้างศักยภาพในการส่งออกเหล็กอีกด้วย
ขอบคุณ แหล่งที่มา : Steel Business Briefing
โดย saweang | พ.ย. 26, 2019 | บทความเกี่ยวกับเหล็ก
5 วิธีกำจัดสนิม และน่าลองทำเองได้
เมื่อวัสดุโลหะโดนน้ำ และเราปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นเพียงไม่กี่วัน กระบวนการแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ก็จะเกิดขึ้น และผลก็คือการเกิดสนิม แต่เมื่อเครื่องมือเครื่องใช้ของเรามีสนิม ก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องเลิกใช้ หรือโยนทิ้งเสมอไป หากรู้วิธีที่ถูกต้องในการขจัดสนิม ดังต่อไปนี้

1.เบกกิ้งโซดา : ให้นำเอาอุปกรณ์โลหะที่ขึ้นสนิมนั้น ไปล้างน้ำ แล้วสะบัดให้แห้ง จากนั้นให้โรยเบกกิ้งโซดาลงไป เบกกิ้งโซดาจะติดอยู่กับบริเวณที่มีความชื้น ต้องแน่ใจว่า เบกกิ้งโซดา ปิดคลุมบริเวณที่เป็นสนิมไว้ทั้งหมดแล้วทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยก่อนจะใช้แปรงขัดคราบสนิมนั้นออก ล้างด้วยน้ำเปล่า แล้วเช็ดให้แห้ง วิธีการนี้ ได้ผลดีกับวัสดุจำพวกกระทะ แหวนและโลหะบาง ๆ เป็นวิธีที่ทำได้ง่าย ไม่เสียค่าใช้จ่ายมากเพราะใช้ของที่มีอยู่ในครัวเรือน แต่ก็มีข้อเสียคือ หลังโรยเบกกิ้งโซดาแล้ว ต้องทิ้งไว้นาน และต้องออกแรงขัด

2.น้ำส้มสายชู : นำอุปกรณ์ที่เป็นสนิม ไปแช่ในน้ำส้มสายชู แล้วทิ้งไว้ข้ามคืน จากนั้นนำขึ้นมาขัดด้วยแปรง ในกรณีที่วัสดุมีขนาดใหญ่ ไม่สามารถนำลงไปแช่ได้ ให้ใช้ผ้าขี้ริ้วจุ่มลงในน้ำส้มสายชู จากนั้นเอามาห่อจุดที่เป็นสนิม วิธีการนี้เป็นวิธีง่าย ๆ แต่ต้องแช่ทิ้งไว้นานข้ามคืนจึงจะให้ผลที่ดี

3.มันฝรั่งและน้ำยาล้างจาน : ฟังดูเหมือนไม่น่าเชื่อว่าของพวกนี้จะใช้ขจัดสนิมได้ แต่จริง ๆ แล้ว สามารถใช้ได้ดีเสียด้วย ให้ผ่าครึ่งมันฝรั่ง จากนั้นก็นำน้ำยาล้างจานทาลงไป ให้ใช้มันฝรั่งเสมือนเป็นอุปกรณ์ในการขัด วิธีนี้ให้ผลดีกับการขจัดสนิมในบริเวณที่ไม่มากนัก บนพื้นผิวที่ขัดง่าย เช่นพวกเครื่องครัว แต่วิธีนี้ ค่อนข้างจะทำให้เลอะเทอะ ควรทำในอ่างน้ำ หรือบริเวณนอกบ้านที่ทำความสะอาดง่าย

4.กรดซิตริก : วิธีการคือ ให้นำน้ำร้อนใส่ลงในถ้วย แล้วใส้กรดซิตริกใส่ลงไป 2-3 ช้อนโต๊ะ แล้วนำอุปกรณ์ที่เลอะสนิม ลงไปแช่ทิ้งไว้ทั้งคืน พอตอนเช้าให้ใช้แปรงขัดออกแล้วล้างด้วยน้ำเปล่า เช็ดให้แห้ง แต่ทั้งนี้กรดซิตริกนี้ อาจจะหาซื้อได้ไม่ง่ายนัก ต้องเลือกซื้อจากร้านจำหน่ายสินค้าเพื่อการดูแลสุขภาพ หรือตามร้านค้าออนไลน์

5.มะนาวและเกลือ : ให้นำเกลือไปทาให้ทั่วบริเวณที่มีสนิม จากนั้นให้ผ่ามะนาว และบีบน้ำลงไป ทิ้งไว้สักพักหนึ่ง แล้วจึงขัดออก ถ้าหากขัดแล้ว ยังมีสนิมหลงเหลืออยู่ ก็ให้ทำซ้ำอีก โดยทิ้งไว้ให้นานขึ้นอาจจะเป็น 1-2 ชั่วโมง เมื่อขัดสนิมออกแล้วก็ให้ล้างและเช็ดให้แห้ง วิธีนี้ใช้กับเครื่องครัว เช่นมีด ได้ดี และเพื่อความปลอดภัย ควรสวมถุงมือ
ขอบคุณข้อมูลจากhttps://www.sanook.com/home/13733/