โดย saweang | มิ.ย. 2, 2020 | บทความบ้านๆๆ, บทความเกี่ยวกับเหล็ก
การกัดกร่อนในเหล็กหรือ “สนิม” มีสาเหตุมาจากเหล็กเอชบีมไม่ได้เป็นวัสดุที่เสถียรในเชิงเคมีและจะพยายามกลับตัวไปสู่สถานะ ภาพเดิมคือ เหล็กออกไซด์ (Iron Oxide) และแร่เหล็ก (Iron Ore) โดยการขึ้นสนิมเป็นผลลัพธ์ของกระบวนการทางเคมีและไฟฟ้าระหว่างเหล็กและสิ่งแวดล้อม เมื่อผิวเหล็ก ความชื้น และออกซิเจน มาทำปฏิกิริยากัน เนื่องจากสนิมทำให้ความแข็งแรงของเหล็กลดลง ดังนั้นจึงต้องมีกระบวนการป้องกันรักษาผิวเหล็กเอชบีม ซึ่งทั่วไปนิยมใช้วิธีป้องกันการเกิดสนิมอยู่ 2 วิธี คือ การเคลือบผิวด้วยสี และการชุบเคลือบผิวด้วยสังกะสีแบบจุ่มร้อน

ที่มาภาพ : https://www.hippopx.com/th/rusty-texture-metal-textured-metal-surfaces-iron-sheet-162788
1. การเคลือบผิวด้วยสี เป็นการทาสีเคลือบผิวเหล็กเอชบีมเป็นลักษณะของชั้นฟิล์ม โดยสีจะทำหน้าที่ปกป้องผิวของเหล็กเอชบีมไม่ให้สัมผัสกับความชื้นและเคมีโดยตรง การเคลือบกันสนิม มีขั้นตอนการดำเนินงาน ดังนี้
1.1 การทำความสะอาดพื้นผิวเหล็กเอชบีม คือ การทำความสะอาดคราบน้ำมัน สารเคมี หรือสารปนเปื้อนต่าง ๆ ที่ติดอยู่บนผิวเหล็ก รวมถึงการกำจัดรอยต่าง ๆ และข้อบกพร่องบนพื้นผิว อาทิเช่น รอยเชื่อมที่ไม่เรียบ สแลก (Slag) ที่เหลือจากกระบวนการเชื่อมประกอบ เป็นต้น
1.2 การเตรียมผิวเหล็กเอชบีมให้เป็นไปตามมาตรฐาน The Society for Protective Coatings (SSPC) ที่กำหนดตามความจำเป็นของงาน ได้แก่ การใช้สารละลาย (Solvent Cleaning) การใช้เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้แรงคน (Hand tool cleaning) การใช้เครื่องมืออุปกรณ์ไฟฟ้า (Power Tool Cleaning) การพ่นทราย (Blast Cleaning) เป็นต้น
1.3 การเคลือบสีรองพื้น เพื่อป้องกันผิวของเหล็กเอชบีมไม่ให้สัมผัสกับอากาศหรือความชื้นโดยตรง ทำให้อายุการใช้งานของโครงสร้างเหล็กยาวนาน
1.4 การเคลือบสีกันไฟ เนื่องจากพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และกฏกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดให้ใช้วัสดุกันไฟ กับโครงสร้างหลักของอาคารเพื่อชะลอการยุบตัวหรือพังทลายของอาคาร อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
1.5 การเคลือบสีทับหน้าเหล็กเอชบีม เพื่อป้องกันความชื้นที่เป็นสาเหตุการเกิดสนิม และเพื่อให้ได้สีตรงตามความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ สีทับหน้าบางชนิดยังสามารถป้องกันรังสี UV ซึ่งทำให้สีกันไฟและสีรองพื้นเกิดการเสื่อมสภาพ

2. การชุบเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน (Hot-Dipped Galvanized) เป็นการเคลือบผิวเหล็กเอชบีมด้วยสังกะสี โดยการจุ่มเหล็กลงในอ่างสังกะสีเหลวแล้วยกขึ้น ทำให้ออกซิเจน ความชื้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคลอไรด์ (Chloride) ซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนเหล็กได้ดี ไม่สามารถสัมผัสและทำปฏิกิริยากับเหล็กได้ นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันแบบแคโทดิก (Cathodic Protection) กล่าวคือ สังกะสีเป็นโลหะที่มีค่าศักย์ไฟฟ้าต่ำกว่าเหล็กจึงเกิดปฏิกิริยาเคมีกัดกร่อนก่อนเหล็กเป็นโลหะที่ มีค่าศักย์ไฟฟ้าสูงกว่า ขั้นตอนวิธีการชุบเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อนมีดังนี้
2.1 การกำจัดสิ่งสกปรก (Soil and Grease Removal – Caustic Cleaning) โดยใช้สารละลายด่างล้างสิ่งสกปรก คราบไขมันต่าง ๆ ตลอดจนถึงเศษดินออกให้สะอาด
2.2 การล้างด้วยน้ำ (Rinsing) ใช้น้ำสะอาดล้างชิ้นงานที่ผ่านการแช่สารละลายด่าง และสารละลายกรดเพื่อกำจัดสภาพด่างและกรดออกจากผิวชิ้นงาน
2.3 การกัดด้วยกรด (Pickling) ใช้สารละลายกรด เช่น กรดซัลฟิวริก กรดไฮโดรคลอริก ทำความสะอาดผิวโลหะ เพื่อกำจัดฟิล์มออกไซด์และสิ่งปนเปื้อนผิวโลหะออกไป
2.4 การแช่น้ำยาประสาน (Fluxing) โดยนำชิ้นงานเหล็กเอชบีมมาแช่ในน้ำยาประสาน (สารละลายซิงค์แอมโมเนียมคลอไรด์ – Zinc Ammonium Chloride Solution) เพื่อปรับความตึงผิวของเหล็ก ให้มีความเหมาะสมกับการเคลือบด้วยสังกะสีหลอม เหลว
2.5 การชุบเคลือบสังกะสี (Galvanizing) นำชิ้นงานเหล็กเอชบีมที่จะชุบเคลือบไปแช่ในอ่างสังกะสีหลอมเหลว (อุณหภูมิประมาณ 435 – 455 °C) สังกะสีจะเคลือบติดกับเนื้อเหล็กหนาขึ้นตามเวลาที่ทำการแช่

การป้องกันสนิมของเหล็กเอชบีมทั้ง 2 วิธี มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นกับสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ และการใช้งานเหล็กเอชบีม ปัจจุบัน SYS ได้พัฒนาสินค้าเหล็ก SYS พร้อมระบบป้องกันสนิม เพื่อความสะดวกสบายของผู้ที่จะใช้งานเหล็ก โดยจะมาให้รายละเอียดในบทความตอนต่อไปครับ
ขอบคุณข้อมูลจากhttps://www.syssteel.com
โดย saweang | พ.ค. 29, 2020 | บทความเกี่ยวกับเหล็ก
กลับมาพบกับ ในบ้าน กันอีกแล้วนะคะ ครั้งนี้เราก็มาพร้อมกับ บ้านน็อคดาวน์โครงเหล็ก ประกอบเข้ากับวัสดุไม้โทนสีทึบ ครบครันทุกฟังก์ชันใช้งาน มีมุมพักผ่อนริมระเบียงบ้าน ตลอดจนสนามหญ้าสีเขียวสดนอกบ้าน เป็นหนึ่งในผลงานจาก BB-Home บ้านน็อคดาวน์ เราลองไปชมกันเลยค่ะ
บ้านน็อคดาวน์หลังนี้ก่อสร้างขึ้นที่อำเภแแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ลักษณะเป็นบ้านยกพื้นสูง โครงสร้างภายนอกเป็นเหล็กแต่งแต้มด้วยสีดำ ตัวฐานบ้านก่ออิฐฉาบปูน ผนังกรุไม้เทียมสีเข้ม หลังคาปกคลุมด้วยทรงเพิงหมาแหงน โดดเด่นท่ามกลางสวนนอกบ้านพร้อมต้นไม้สูงใหญ่ ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวบริเวณนอกบ้าน

ด้านบนมีเฉลียงแนวยาวเชื่อมต่อเข้าไปยังประตูทางเข้าหน้าบ้าน มาพร้อมหลังคาโครงเหล็กยื่นออกมาป้องกันแดดและฝน

อีกด้านหนึ่งเป็นระเบียงชมวิวปูพื้นไม้ขนาดพอเหมาะ จัดวางโต๊ะและเก้าอี้ไว้ เหมาะสำหรับเป็นพื้นที่พักผ่อนจิบกาแฟ สูดกลิ่นอายธรรมชาติในยามเช้า

ในส่วนของพื้นที่ด้านใน ผนังกรุไม้ลามิเนตสีเข้ม ตัดกับพื้นสีขาวดำลายโบราณ จัดวางเฟอร์นิเจอร์ไว้ตามมุมต่างๆ พร้อมกันนี้ก็ได้ติดตั้งหน้าต่างกระจกบานใสไว้โดยรอบ ซึ่งช่วยในเรื่องของการเพิ่มแสงสว่างภายในห้องได้เป็นอย่างดี

ห้องครัวตกแต่งสไตล์ร่วมสมัย ผนังและเคาน์เตอร์ครัวปูกระเบื้องเงาลายอิฐโชว์แนวสีดำ ปิดทับด้วยท็อปสีดำเงา พื้นปูกระเบื้องตรีทัชลายวินเทจ ประดับด้วยโคมไฟแขวนดีไซน์คลาสสิค

นี่คือโซนซักล้าง แบ่งพื้นที่ใช้งานออกเป็นส่วนซิงค์ โซนเปียก และด้านในเป็นโซนแห้ง สามารถจัดวางเครื่องซักผ้าหรืออุปกรณ์ทำความสะอาดประเภทต่างๆ ได้

ห้อนอนปูพื้นไวนิลลายไม้ ผนังกรุลามิเนตสีเข้ม มาพร้อมหน้าต่างมองทิวทัศน์ภายนอกได้อย่างถนัดตา

ห้องเสื้อผ้าหรือ Walk-in Closet มีขนาดกะทัดรัด แต่ก็ช่วยให้พื้นที่ใช้งานในห้องดูเป็นระเบียบ ไม่เกะกะสายตา

ห้องน้ำกว้างขวาง ปูพื้นกระเบื้องลายไม้ ผนังตกแต่งด้วยลวดลายวินเทจสวยงาม นอกจากนี้ยังติดตั้งฉากกระจกเพื่อแยกระหว่างพื้นที่เปียกและแห้ง ซึ่งนอกจากจะง่ายต่อการทำความสะอาดแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี

บ้านน็อคดาวน์ขนาดกลาง ประกอบไปด้วย 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ รับแขก ห้องครัว ห้องซักล้าง และระเบียงพักผ่อนนอกบ้าน มีราคาต่อหลังอยู่ที่ 1,670,000 บาท (เฟอร์นิเจอร์ตามภาพ) หากเพื่อนๆ สนใจ สามารถเข้าชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากข้อมูลด้านล่างนี้เลยค่ะ
Line id : bbhome2014
Facebook : BB-Home บ้านน็อคดาวน์
Tel : 085-3005775, 081-8775996

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

Line id : bbhome2014
Facebook : BB-Home บ้านน็อคดาวน์
Tel : 085-3005775, 081-8775996
ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.naibann.com/tsp41-knockdown-vacation-house-by-bb-home
โดย saweang | พ.ค. 29, 2020 | บทความเกี่ยวกับเหล็ก
บ้านโครงสร้างเหล็ก เหมาะสำหรับสร้างบ้านหรือไม่ ข้อดี-ข้อเสีย ลองมาอ่านข้อมูลกันครับ
เราอาจจะคุ้นเคยกับการสร้างบ้านด้วยโครงสร้างคอนกรีตมาตลอดชีวิต ซึ่งเป็นการก่อสร้างที่ใช้เวลานานและใช้แรงงานจำนวนมาก ราวกับเป็นการก่อสร้างแบบผูกขาด ทั้งที่จริงโครงสร้างรูปแบบอื่นสามารถก่อสร้างบ้านได้เช่นกัน วันนี้คอนเทล โฮม จึงขอนำเสนอเรื่องราวของการสร้างบ้านอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นก็คือ บ้านโครงสร้างเหล็ก

บ้านโครงสร้างเหล็กเป็นหนึ่งในทางเลือกของการสร้างบ้าน ซึ่งได้รับความนิยมแพร่หลายในต่างประเทศ เพราะความแข็งแรงและความรวดเร็วในการก่อสร้าง ทำให้บ้านโครงสร้างเหล็กเป็นทางเลือกในการก่อสร้างที่คุ้มค่า อีกทั้งคุณสมบัติโครงสร้างเหล็กยังเหนือกว่าวัสดุอื่น จึงสรุปข้อดีของบ้านโครงสร้างเหล็กได้ดังนี้
– ให้กำลังสูง โครงสร้างเหล็กจึงมีน้ำหนักเบากว่าโครงสร้างที่ทำด้วยวัสดุอื่น ช่วยลดการใช้เสาเข็ม
– ใช้แรงงานจำนวนน้อย เพราะขั้นตอนการทำงานที่ลดลง
– ช่วยลดเวลาก่อสร้างได้เป็นอย่างดี ซึ่งค่าแรงก็จะลดตามมา
– เป็นโครงสร้างที่รองรับการออกแบบสไตล์โมเดิร์น แปลกใหม่ได้ดี
– โครงสร้างเหล็กมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการรับแรงจากแผ่นดินไหวหรือแรงกระแทก
– ทนทาน สามารถรับน้ำหนักได้มาก
– เหมาะสำหรับการก่อสร้างในพื้นที่ที่มีข้อจำกัด เพราะสะดวกในการขนส่ง
– หน้าไซต์งานก่อสร้างสะอาด เรียบร้อย และยังช่วยลดวัสดุเหลือทิ้งอีกด้วย
– สามารถต่อเติมได้ในภายหลัง

ในส่วนข้อจำกัดของโครงสร้างเหล็กก็มีเช่นกัน ได้แก่
– มีราคาสูงกว่าโครงสร้างจากวัสดุอื่น ทำให้ราคาบ้านแพงกว่าบ้านทั่วไป
– ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูง หากเกิดสนิม
– ขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านการสร้างบ้านโครงสร้างเหล็ก ผู้รับสร้างบ้านส่วนใหญ่ยังคุ้นเคยกับการใช้โครงสร้างคอนกรีต
จะเห็นได้ว่าภาพรวมของบ้านโครงสร้างเหล็กนั้น หากมองในเรื่องราคาก็ยังสูงกว่าโครงสร้างวัสดุอื่นพอสมควร แต่ถ้ามองถึงอนาคตจะพบว่าบ้านโครงสร้างเหล็กสามารถลดปัญหาในการก่อสร้างได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และค่าแรงงานที่ปรับขึ้นทุกปี เมื่อถึงวันนั้นทุกคนจะหันมาให้ความสนใจกับบ้านโครงสร้างเหล็กมากขึ้น
ระบบก่อสร้างคอนเทล โฮม เป็นบริษัทรับสร้างบ้านที่ใช้ระบบเสา-คานด้วยเหล็กที่ป้องกันการกัดกร่อนของสนิมได้ดี คอนเทล โฮม พร้อมจะเป็นผู้นำนวัตกรรมการก่อสร้าง ทำให้การก่อสร้างบ้านเป็นเรื่องง่ายและได้คุณภาพ

ขอบคุณข้อมูลจากhttps://www.contelhome.com/
โดย khwankaew | เม.ย. 22, 2020 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
แนวโน้มเหล็กและแร่เหล็กในไตรมาสที่ 2: ปริมาณผลิตเหล็กจีนมากขึ้น ได้การสนับสนุนจากแร่เหล็ก
ราคาแร่เหล็กควรมีแรงสนับสนุนในไตรมาสที่ 2 ทั้งที่มีการฟื้นตัวที่ชะลอตัวในส่วนความต้องการเหล็กขั้นปลาย เนื่องจากคาดว่าโรงงานเหล็กจะเพิ่มปริมาณเหล็ก จากข้อมูลการสำรวจแนวโน้มของ S&P Global Platts
ประมาณร้อยละ 38 ของผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่าราคาแร่เหล็กจะยังอยู่ในช่วงราคา $80-$90/ตัน CFR ในขณะที่ร้อยละ 28 คาดว่าราคาจะต่ำลงที่ $70-$80/ตัน
ครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถาม เชื่อว่าความต้องการแร่เหล็กจะเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 2 ในขณะที่ร้อยละ 28 คิดว่าความต้องการจะเท่ากับในไตรมาสที่ 1 มีเพียงร้อยละ 13 มองความต้องการแร่เหล็กกำลังลดลง จากการสำรวจ
ทั้งที่เหล็กสำเร็จรูปคงคลังที่เพิ่มขึ้นมากในจีน ซึ่งประมาณร้อยละ 72 ของผู้ตอบแบบสอบถาม เชื่อว่าการผลิตเหล็กดิบจะเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 2 การค้นพบนี้ตรงข้ามกับการสำรวจก่อนหน้านี้ที่มากกว่าหนึ่งในสามของโรงงานเหล็กบอกว่ากำลังพิจารณาลดการผลิต
มีเพียงหนึ่งในสี่ของผู้ตอบแบบสอบถามคาดกว่าความต้องการจะเป็นปกติภายในสิ้นเดือนเมษายน. ประมาณร้อยละ 35 เชื่อว่าตลาดจะฟื้นตัวเต็มที่ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม และอีกร้อยละ 25 คิดว่าภายในสิ้นเดือนมิถุนายน
“เราคาดว่าตลาดจีนจะกลับมาเป็นปกติได้ในสิ้นเดือนเมษายน แต่มีความไม่แน่นอนเนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนานอกประเทศ ไม่มีประเทศไหนที่จะกันตัวเองได้ เนื่องจากตลาดเหล็กเป็นตลาดโลก”
การสำรวจพบว่าร้อยละ 37 ของผู้ตอบ คาดว่าการเติบโตของความต้องการเหล็กจะมาจากสาธารณูปโภคพื้นฐานเป็นหลัก ในขณะที่ร้อยละ 19 คิดว่าการก่อสร้างจะยังเป็นภาคหลักที่มีการเติบโตของความต้องการเหล็ก
ผู้อยู่ในตลาดเหล็กคาดว่า รัฐบาลจีนจะใช้สาธารณูปโภคพื้นฐานส่วนใหญ่เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจหลังจากการระบาดสิ้นสุด
ผู้ตอบส่วนใหญ่ร้อยละ 44 คาดว่าอัตรากำไรของ เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน (HRC) ในประเทศของจีนจะบางประมาณ 100-200 หยวน/ตัน ($14-$28/ตัน) ในไตรมาสที่ 2 และร้อยละ 20 คาดว่าอัตรากำไรจะอยู่ที่ 300-400 หยวน/ตัน
ตลาด เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน (HRC) จะขึ้นอยู่กับความต้องการจากเครื่องใช้ไฟฟ้าและรถยนต์เป็นหลัก เราไม่มั่นใจว่าจะฟื้นตัวอย่างเข้มแข็งในไตรมาสที่ 2 ถึงแม้ว่าความต้องการที่เพิ่มขึ้น จะมีในครึ่งหลังของปีก็ตาม โรงงานเหล็กกล่าว
แนวโน้มของอัตรากำไรเหล็กเส้นนั้นเงียบเหงามากๆ หนึ่งส่วนสี่ของผู้ตอบคาดว่าอัตรากำไรอยู่ที่ 100 หยวน/ตันหรือต่ำกว่า ความต้องการในภาคการก่อสร้างคาดว่าจะน้อยลงในปี 2563 เนื่องจากรัฐบาลจีนบอกว่าจะไม่ใช้อสังหาริมทรัพย์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
Platts ได้ทำการสำรวจ 32 บริษัท สำหรับการสำรวจแนวโน้ม ในช่วง 23-25 มีนาคม ได้แก่ โรงงานเหล็ก เทรดเดอร์ในประเทศและต่างประเทศ และบริษัทเหมืองเหล็ก
แหล่งที่มา : Steel Business Briefing
โดย saweang | มี.ค. 24, 2020 | บทความบ้านๆๆ, บทความเกี่ยวกับเหล็ก
บ้านคือวิมานของเรา ประโยคสั้น ๆ ที่สื่อความหมายได้ดีของคนรักบ้าน ผู้ที่มีบ้านส่วนใหญ่จึงย่อมต้องคอยตรวจตราดูตามส่วนต่าง ๆ ของบ้าน เพื่อให้สามารถอยู่อาศัยได้อย่างมั่นใจและมีความสุขภายใต้บ้านสวยที่ตั้งใจสร้างขึ้นมา แต่เมื่อเวลาผ่านไปบ้านที่เคยสวยงามก็ย่อมต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ทำให้ส่วนต่าง ๆ ภายในบ้านเริ่มทรุดโทรม ลอกล่อน หรืออาจถึงขั้นต้องเปลี่ยนใหม่เลยก็มีเช่นกัน โดยเฉพาะในส่วนของโครงสร้างที่ถือว่าเป็นส่วนสำคัญมากของบ้าน ที่เมื่อทรุดโทรมไปแล้วก็อาจจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้อยู่อาศัยเอาได้ง่าย ๆ จึงควรมีการตรวจสอบตัวบ้านเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ช่วงเวลาที่น่าสนใจในการตรวจเช็คบ้านคือทุก ๆ 1-2 ปี อย่าปล่อยให้ล่วงเลยไปเป็น 10 ปี เพราะอาจจะทำให้ปัญหาภายในบ้านลุกลามไปถึงขั้นต้องยกบ้านใหม่ไปทั้งหลัง จนต้องเสียเงินซ่อมแซมเป็นจำนวนมาก ซึ่งช่วงนี้ก็จะสิ้นปีแล้ว ทาง babbaan.in จึงขอแนะแนวทางในการตรวจสอบบ้านประจำปี มาให้ผู้อ่านได้ลองนำเอาไปตรวจสอบบ้านของตัวเองก่อนเข้าสู่ปีใหม่กันค่ะ
 |
| วิธีตรวจเช็คบ้านประจำปี |
1. ตรวจสอบโครงสร้างบ้านทั้งภายในและภายนอก ควรตรวจดูรอยร้าวรอบบ้าน การทรุดของพื้นที่โรงจอดรถ โซนซักล้างภายนอก ภายในก็ให้ดูบริเวณตามผนัง มุมเสา พื้นห้องน้ำ เป็นต้น เมื่อเจอแล้วควรถ่ายรูปพร้อมจดบันทึกเอาไว้ รอยร้าวเหล่านี้ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เพราะจะไปกระทบกับโครงสร้างใหญ่ภายในตัวบ้าน จนอาจเกิดอาการทรุดและกลายเป็นอันตรายไปในที่สุด
วิธีแก้ไข ถ้ามีรอยร้าวจำนวนไม่มากก็ควรตามช่างที่ไว้ใจได้มาทำการแก้ปัญหา แต่ถ้ามีรอยร้าวจำนวนมากก็จำเป็นที่จะต้องปรึกษาไปทางวิศวกรและทำการรีโนเวทโดยด่วน ไม่ควรปล่อยเอาไว้เด็ดขาด
2.สีบ้าน ไม่ว่าจะภายในหรือภายนอกก็ควรตรวจดูทั้งหมด สีเป็นส่วนที่บ่งบอกถึงกาลเวลาได้ดีที่สุด โดยเฉพาะสีภายนอกที่จะต้องโดนทั้งแดดเผาและโดนฝนอย่างหนักหน่วงมาตลอดทั้งปี แต่ถ้าใช้สีมีคุณภาพดี ปัญหานี้ก็อาจจะพอเบาลง แต่ถ้าใช้สีคุณภาพกลาง ๆ ก็อาจจะมีสีพองตัว หลุด ลอกล่อนออกมากวนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ แม้แต่ภายในตัวบ้านสีก็สามารถลอกล่อนได้จากระบบน้ำรั่วซึมภายใน หรือเกิดจากการโดนเสียดสีจากเฟอร์นิเจอร์ และเป็นรอยไม่สวยงาม
วิธีแก้ไข ทาทับสีเก่าด้วยสีใหม่เพื่อเพิ่มความสดใสให้กับตัวบ้าน และยังทำให้บ้านดูใหม่ โดดเด่นน่ามองอีกด้วย แต่ถ้าใช้สีที่มีคุณภาพสูง ภายใน 1 ปี ก็ไม่น่ากังวลต่อปัญนี้เท่าไหร่นัก
3.ตรวจสอบฝ้าเพดาน หลังคา และวัสดุหลังคา ตรวจสอบดูว่าหลังคายังคงใช้งานได้ตามปกติ ไม่มีการโก่งหรือบิดเบี้ยวของตัววัสดุหลังคา ซึ่งการตรวจสอบจุดนี้จะเห็นได้ชัดเมื่อยามที่ฝนตก เพราะฉะนั้นถ้าวันไหนมีฝนตกหนักก็ควรตามดูส่วนต่าง ๆ ของบ้านว่ามีอาการรั่วซึมตรงจุดไหนบ้าง หรือดูว่ามีรอยคราบน้ำที่ฝ้าเพดานหรือไม่ และให้ดูที่รอยร้าวภายในตัวบ้านนั้นมีรอยตะไคร่น้ำเกาะอยู่หรือไม่ ถ้ามีทั้ง 2 รอยนี้ก็แสดงว่าหลังคารั่วซึมเป็นที่เรียบร้อย
วิธีแก้ไข ควรเรียกช่างหลังคาเข้ามาซ่อมแซมและตรวจสอบวัสดุบนหลังคาเพิ่มเติมไปด้วย เพื่อที่จะสามารถมั่นใจได้ว่าการซ่อมหรือเปลี่ยนรอบนี้จะช่วยทำให้หลังคาสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
4.ระบบต่าง ๆ ภายในบ้าน ที่ไม่ว่าจะเป็น ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำ และระบบระบายน้ำภายใน ภายนอกบ้าน ต้องตรวจสอบให้ดี โดยไล่ตรวจสอบดังนี้
- ตรวจสอบปลั๊กไฟว่ามีอุปกรณ์อยู่ครบ ไม่มีจุดไหนที่สายขาด หรือปลั๊กชำรุด ตัวเบรกเกอร์ยังใช้งานได้ดี ตัวตัดไฟก็ยังคงใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ระบบน้ำภายในและนอกบ้านตรวจดูว่าการไหลของน้ำแรงเท่ากันหรือไม่ ถ้าไม่เท่ากันแสดงว่าต้องมีจุดใด จุดหนึ่งที่มีการตัน หรือมีการแตกร้าว รั่วซึมจากท่อน้ำภายในบ้าน ให้ตรวจดูทางเดินของท่อว่ามีจุดใดที่มีคราบน้ำซึม มีสนิม และมีกลิ่นเหม็นออกมาหรือไม่ ถ้ามีก็อาจจะเป็นไปได้ว่าจุดนั้นท่อมีอาการรั่วแล้วนั่นเอง
- ระบบระบายน้ำก็ให้ดูที่ตัวสุขภัณฑ์ จุดระบายน้ำลงของห้องน้ำ อ่างล้างหน้า อ่างล้างจาน ควรตรวจสอบให้ดีว่าอาการตันเกิดจากท่อตรงส่วนไหน แล้วให้แก้ตรงจุดนั้น ไม่เช่นนั้นก็อาจจะต้องรื้อกันทั้งระบบเลยทีเดียว
วิธีแก้ไข
- ระบบไฟฟ้าควรตรวจสอบด้วยการไล่เปิด-ปิดไฟทุกดวงในบ้าน เพื่อดูว่ายังคงใช้งานได้ดี ดูว่าสายไฟและปลั๊กต่าง ๆ อยู่ในจุดที่จะโดนกัดจากสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์อื่น ๆ ได้หรือไม่ แล้วทำการย้ายจุดและทำการซ่อมแซมอย่างระมัดระวัง
- ระบบน้ำและระบบระบายก็ตรวจสอบจากก๊อกน้ำ อ่างล้างจาน และสุขภัณฑ์ภายในบ้าน ถ้ามีปัญหาก็ให้ลองถอดอุปกรณ์ดูว่าเกิดจากการตันของตะกรันน้ำหรือเศษขยะหรือไม่ ถ้าใช่ก๋็ควรล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย แต่ถ้าไม่ใช่นั่นก็หมายความว่าระบบภายในมีปัญหา ต้องเรียกช่างมาดูเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่ลุกลามมากกว่าเดิม
5.วัสดุต่าง ๆ ที่ใช้งานภายในบ้าน ที่ไม่ว่าจะเป็นพื้นบ้าน ทางเดินนอกบ้าน ผนังภายในบ้าน ฝ้าเพดา ประตูและหน้าต่าง โดยไล่ตรวจสอบดังนี้
- พื้นไม้หรือกระเบื้องต้องดูว่ามีการชำรุด แตก หัก หรือเปิดขึ้นมาจนอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่อยู่อาศัยภายในบ้านหรือไม่
- ทางเดินนอกบ้าน สำหรับคนที่มีสวนแล้วมีทางเดินหินธรรมชาติเพื่อความสวยงาม เมื่อใช้งานนานวันเข้าก็จะเกิดชำรุด ตะไคร่น้ำขึ้น หรือมีการแตกหักจนไม่น่ามองและอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้อีกด้วย
- ผนังภายในบ้านที่ไม่ว่าจะผนังวอลเปเปอร์มีรอยหรือคราบสกปรกหรือไม่ ผนังกระเบื้องห้องน้ำมีการกระเทาะออกมาหรือไม่
- ฝ้าเพดานที่โดนคราบน้ำจากการรั่วซึมของหลังคาเป็นคราบดูไม่สวยงาม และอาจจะทำให้กลายเป็นรังของแมลงสาบหรือหนูบ้านได้อีกด้วย เพราะมีความอับชื้นสูง
- ประตูและหน้าต่างชำรุดหรือไม่ มีร่องรอยแตกหัก หรือคราบสกปรกหรือไม่ มีปลวกหรือรอยผุจนอาจจะหลุดออกมาทั้งบานหรือไม่ และกระจกหน้าต่างหรือประตูมีรอยร้าวหรือไม่
วิธีแก้ไข
- พื้นไม้หรือกระเบื้องที่แตกและเปิดออกมา ควรเปลี่ยนใหม่แล้วทำการปิดผิววัสดุด้วยปูนหรือวัสดุที่เหมาะสมกับพื้นแบบนั้น ๆ ให้กลับไปเรียบเนียนและดูเข้ากัน
- เปลี่ยนหินธรรมชาติตรงจุดที่มีปัญหาใหม่ทั้งหมด ส่วนที่เป็นคราบตะไคร่น้ำก็ให้ลองขัดดูก่อนว่าออกหรือไม่ ถ้าไม่ออกและมีรอยร้าวก็ควรเปลี่ยนทันที แต่ถ้ามีอาการร้าวและทรุดก็ควรเลาะออกทั้งหมดแล้วเทพื้นใหม่ พร้อมเปลี่ยนหินปูยกเซ็ตเพื่อให้เกิดความปลอดภัย
- ผนังภายในบ้านที่เป็นวอลเปเปอร์ก็เพียงแค่ซื้อลายใหม่มาแล้วลอกเอาวอลเปเปอร์เก่าออก พร้อมติดตั้งใหม่เพื่อให้เกิดความสวยงามและห้องดูใหม่ขึ้น ส่วนกระเบื้อห้องน้ำให้ลองใช้นิ้วเคาะดู ถ้ามีเสียงคล้ายด้านในกลวง ก็ให้เลาะออกแล้วเปลี่ยนใหม่ทันที หรืออัดปูนให้แน่นขึ้น เพื่อป้องกันหล่นลงมาแตก และอาจทำให้เกิดอันตรายได้
- เปลี่ยนฝ้าเพดานใหม่ ซึ่งควรต้องทำการซ่อมหลังคาให้เรียบร้อยก่อน หรือถ้าเป็นเพดานชั้นล่างก็ซ่อมระบบท่อน้ำให้หยุดรั่วซึม แล้วทำการเปลี่ยนฝ้าเพดานใหม่ได้เลย
- ประตูและหน้าต่างให้เลือกดูว่าบานไหนที่ชำรุดน้อยก็เพียงแค่ทำความสะอาดและซ่อมแซม แต่ถ้าบานไหนเสียหายหนัก ผุพัง โดนปลวกกัดกิน กระจกร้าว ก็ให้เปลี่ยนใหม่ได้เลยทันที
การตรวจดูความเป็นไปของตัวบ้านในแต่ละปี จะช่วยทำให้คุณไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับค่าใช้จ่ายในการรีโนเวทบ้านครั้งใหญ่ หรือการซ่อมแซมที่ต้องยกใหม่ไปทั้งชุด และช่วยให้คุณได้เรียนรู้บ้านของตัวเองได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งถ้ามีจุดใดหรือส่วนไหนของบ้านที่เกิดปัญหา ก็จะได้รู้เท่าทัน และนำมาซึงการซ่อมแซมหรือแก้ไขจุดที่มีปัญหาได้อย่างทันเวลา
ขอบคุณข้อมูลจากhttps://www.babbaan.in/