โดย khwankaew | มี.ค. 24, 2023 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
รุมค้านพาณิชย์ยุติเอดีเหล็กรีดร้อน หวั่นตกงาน 7,500 คน

สภาอุตฯ-นักวิชาการ ผู้นำท้องถิ่น รุมค้านพาณิชย์ยุติเอดีเหล็กรีดร้อน 5 ประเทศ ย้ำรัฐต้องปกป้องอุตสาหกรรมและสร้างงานในประเทศ หวั่นกระทบหนักถึงขั้นปิดกิจการ ตกงาน 7,500 คน สูญเสียการสร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศปีละกว่า 1 หมื่นล้าน ยกเคตสหรัฐกว่า 10 ปียังคงเอดีเหล็กไทย
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นักวิชาการ ผู้นำท้องถิ่น ได้เห็นพ้องกันในการร่วมคัดค้านคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน(ทตอ.) ที่มี นายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน หลังกระทรวงพาณิชย์พิจารณาในวันเดียวกัน ยุติมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) สินค้าเหล็กจาก 6 ประเทศทุ่มตลาด 3 มาตรการรวด แต่ทะยอยแจ้งเปิดเผยไม่พร้อมกัน ตั้งแต่มกราคม 2566 เป็นต้นมา โดยล่าสุดกลางเดือนมีนาคม 2566 แจ้งยุติมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดเหล็กแผ่นรีดร้อนจากประเทศจีน และมาเลเซีย
ทั้งนี้ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ยังคงคัดค้านต่อร่างผลการไต่สวน AD เนื่องจากการพิจารณาไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายมาตรา 57 ของ พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ รวมถึงแนวทางการพิจารณาไม่เป็นไปตามข้อชี้แจงของกรมการค้าต่างประเทศที่แถลงต่อสาธารณะชนในเรื่องการพิจารณาต่ออายุมาตรการ โดยสินค้าจากประเทศจีน และมาเลเซียยังมีการทุ่มตลาดในอัตรา 17.86% และ 4.72% ตามลำดับ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างแน่นอน
หากไม่มีการใช้มาตรการต่อไป โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีการส่งออกสินค้ามายังประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 มีการส่งออกมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากปี 2560 ถึงกว่า 270% อีกทั้งจีนยังมีกำลังการผลิตส่วนเหลืออีกกว่า 170 ล้านตัน ย่อมต้องหาทางระบายสินค้าไปยังประเทศที่ไม่มีมาตรการอย่างแน่นอน โดย มีข้อมูลสนับสนุนที่ชัดเจนว่าในปี 2564 จีนและมาเลเซียส่งออกเหล็กมายังภูมิภาคอาเซียนมากกว่า 1.68 ล้านตัน และเป็นสัดส่วนการส่งออกถึง 32.16% ของการส่งออกสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าอาเซียนเป็นเป้าหมายหลักของการทุ่มตลาด
“ข้อมูลขององค์การการค้าโลก หรือ WTO ระบุชัดเจนว่าจีนเป็นประเทศที่ถูกใช้มาตรการ AD สินค้าเหล็กมากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของโลก โดยถูกใช้มาตรการไปถึง 149 มาตรการ นี่คือปัจจัยที่ชี้ชัดว่าจีนจะกลับมาทุ่มตลาด และสร้างความเสียหายอย่างแน่นอน”นายเกรียงไกร กล่าว และว่า
ขอให้กรมการค้าต่างประเทศ และคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน พิจารณาทบทวนผลการต่ออายุมาตรการ AD สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนทั้ง 5 ประเทศอีกครั้ง เพราะหากปล่อยให้สินค้าทุ่มตลาดจากทั้ง 5 ประเทศไหลทะลักเข้ามายังประเทศไทย อุตสาหกรรมเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศคงต้องปิดกิจการอย่างแน่นอน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการจ้างงานทางตรงกว่า 3,500 คน และการจ้างงานต่อเนื่องอีกกว่า 4,000 คน นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมอย่างรุนแรง เช่น การสูญเสียการสร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศปีละกว่า 10,000 ล้านบาท
ศาสตราจารย์ ทัชมัย ฤกษะสุต ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กฎหมายเศรษฐกิจ และกฎหมายธุรกิจ ให้ความเห็นต่อแนวทางการพิจารณาต่ออายุมาตรการ AD ตามมาตรา 57 ของ พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ ซึ่งตรงกับ Article 11.3 ของความตกลงว่าด้วยการตอบโต้การทุ่มตลาดหรือ Anti-Dumping Agreement: ADA ว่า
“การพิจารณาว่า หากไม่มีการต่ออายุมาตรการจะส่งผลให้ความเสียหายและการทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีกหรือไม่” เป็นการพิจารณา “แนวโน้ม” ที่จะทำให้มีการทุ่มตลาด และความเสียหายฟื้นคืนมาอีก จึงไม่จำเป็นต้องพบการทุ่มตลาดและมีความเสียหายเท่านั้น ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ประเทศสมาชิกขององค์การการค้าโลกใช้ในการทบทวนการใช้ AD ซึ่งพิจารณาได้จากมาตรา 11.3 ซึ่งบัญญัติได้ความว่า “หากเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจทบทวนแล้วเห็นว่า การยุติการเก็บ AD อาจมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การเกิดขึ้นต่อไปหรือก่อให้เกิดอีกครั้งซึ่งการทุ่มตลาดหรือความเสียหาย (คืออาจจะให้เก็บ AD ต่อไปก็ได้) โดยให้คงการเก็บ AD ไว้จนกว่าจะมีผลการทบทวนดังกล่าว”
ประกอบกับมีแนวทางคำตัดสินขององค์การการค้าโลกในคดี US – Oil Country Tubular Goods Sunset Reviews ได้วางหลักไว้ว่า การทบทวนการเก็บ AD ที่เรียกว่า sunset review นั้นไม่ตกอยู่ภายใต้มาตรา 3 ของความตกลง AD ซึ่งมาตรา 3 ของ ADA เป็นเรื่องการพิสูจน์ความเสียหายหรือ “Determination of Injury” หมายความว่า การจะจัดเก็บ AD ต่อไปหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องมีการพิสูจน์ความเสียหายตามมาตรา 3
นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างเชิงประจักษ์จากกรณีที่ประเทศไทยถูกประเทศสหรัฐอเมริกาใช้มาตรการ AD สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนตั้งแต่ปี 2544 และในช่วงปี 2556 – ปัจจุบัน ผู้ผลิตในประเทศไทยไม่มีการส่งสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนไปสหรัฐอเมริกา ย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้ผลิตในประเทศไทยไม่ได้สร้างความเสียหาย และไม่มีการทุ่มตลาดไปยังสหรัฐอเมริกามากว่า 10 ปี แต่สหรัฐอเมริกาก็ยังคงพิจารณาต่ออายุมาตรการกับไทยมาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนเรื่องระยะเวลาที่จะนำมาใช้ในการพิจารณาต่ออายุก็พิจารณาได้จากแนวทางคำตัดสินของคดี US – Oil Country Tubular Goods Sunset Reviews เช่นกันโดยพิจารณาได้จากผลการพิจารณาซึ่งระบุว่า “การพิจารณาถึงแนวโน้มที่จะนำไปสู่การเกิดขึ้นต่อไปหรือก่อให้เกิดอีกครั้งซึ่งความเสียหายนั้น ไม่จำเป็นต้องกำหนดกรอบระยะเวลาในการพิสูจน์ เพียงแต่การพิสูจน์ถึงแนวโน้มฯ ดังกล่าวต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่เพียงพอที่จะทำให้เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสามารถมีผลการพิจารณาที่ชอบด้วยเหตุผลและเหมาะสมพอ และการพิสูจน์ความเสียหายก็ต้องอยู่บนพื้นฐานดังกล่าวเช่นกัน แม้จะไม่มีการกำหนดกรอบระยะเวลาไว้ก็ตาม”
“ดังนั้นจึงเห็นว่า การพิจารณาต่ออายุมาตรการ AD สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศไทยก็ควรพิจารณาถึงแนวโน้มการทุ่มตลาด และความเสียหายที่จะฟื้นคืนมา เช่น พฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรมยังคงมีอยู่หรือไม่ ความสามารถในการผลิต (กำลังการผลิตส่วนเหลือ) และการส่งออก (ปริมาณการส่งออกไปทั่วโลก) ยังคงมีอยู่หรือไม่ และไม่ควรนำผลประกอบการของอุตสาหกรรมภายในแค่ช่วงใดช่วงหนึ่งมาเป็นเหตุผลสำคัญในการต่ออายุ หรือยุติมาตรการ”ศาสตราจารย์ ทัชมัย กล่าว
ด้าน นายสมหมาย ปานทอง อุปนายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย และประธานชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และอำเภอบางสะพาน และนายวิเชียร เกตุงาม รองประธานชมรมฯ ให้ความเห็นว่า การยุติมาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบด้านลบที่รุนแรงต่อคุณภาพชีวิต ระบบเศรษฐกิจ การจ้างงาน รายได้ของประชาชนในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์อย่างแน่นอน
เนื่องจากผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนรายใหญ่ของคนไทย คือ กลุ่มเหล็กสหวิริยา ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ในพื้นที่อำเภอบางสะพานมาไม่ต่ำกว่า 30 ปี ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ มีการจ้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชนอย่างมากมาย ลำพังจะอาศัยภาคเกษตรกรรมในพื้นที่ก็ยังลุ่ม ๆ ดอน ๆ ในเรื่องของราคาผลผลิตการเกษตรที่ผันผวนตลอดเวลา โดยเฉพาะราคามะพร้าว ซึ่งเป็นพืชหลักของเกษตรกรประจวบคีรีขันธ์ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ภาครัฐทบทวนมาตรการนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อนจากต่างประเทศใหม่ และส่งเสริมผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมของคนไทย
แหล่งที่มา :ฐานเศรษฐกิจ
โดย khwankaew | ม.ค. 5, 2023 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
หากจำแนกผลิตภัณฑ์เหล็กในไทยตามประเภทของเหล็กกึ่งสำเร็จรูปที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบ สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มได้แก่
1) เหล็กทรงยาว (Long products) ประกอบด้วย เหล็กแท่งใหญ่และเหล็กแท่งยาวซึ่งเป็นเหล็กกึ่งสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์เหล็กที่ทำจากเหล็กทั้งสองประเภทนี้ เช่น เหล็กเส้น และเหล็กลวด โดยผู้ผลิตเหล็กทรงยาวแบ่งออกเป็นกลุ่มที่มีเตาหลอมและกลุ่มที่ไม่มีเตาหลอม กลุ่มผู้ผลิตเหล็กที่มีเตาหลอมได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาวส่วนมากถูกใช้ในภาคก่อสร้าง

2) เหล็กทรงแบน (Flat products) ประกอบด้วย เหล็กแท่งแบนซึ่งเป็นเหล็กขั้นกลาง และผลิตภัณฑ์เหล็กที่แปรรูปจากเหล็กแท่งแบน เช่น เหล็กแผ่นรีดร้อนและเหล็กแผ่นรีดเย็นซึ่งอยู่ในรูปของเหล็กแผ่น (Plates) และเหล็กม้วน (Coils) ผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบนส่วนใหญ่ถูกใช้เป็นชิ้นส่วน/ส่วนประกอบของยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องจักร

สินค้าเหล็กโดยรวมถูกนำไปใช้ในธุรกิจก่อสร้างมากที่สุดในสัดส่วน 57% ของการใช้ในประเทศทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นประเภทเหล็กเส้น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ และตะปู/น็อต รองลงมาเป็นธุรกิจยานยนต์ 18% ธุรกิจเครื่องจักร 11% ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า 9% ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ 4% และอื่นๆ 1%
โดย khwankaew | ธ.ค. 27, 2022 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
“อุตสาหกรรมเหล็ก” ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ไทยยังมีความสามารถ และเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้กับภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของประเทศไทยได้ แต่เช่นเดียวกับทุกภาคเศรษฐกิจของประเทศ “วิกฤติโควิด” ได้ส่งผลกระทบต่อ “ความต้องการใช้เหล็กทั่วโลก”
ขณะเดียวกัน “ธุรกิจเหล็กไทย” ยังต้องเผชิญกับปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้นจากราคาพลังงาน และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กทั่วโลกของจีนลดทอนขีดความสามารถการแข่งขันทางการค้า
โดยที่ผ่านมา ภาคเอกชนไทย โดยเฉพาะสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้พยายามแก้ปัญหา อุดช่องโหว่ และเพิ่มศักยภาพของอุตสาหกรรมเหล็กไทยมาโดยตลอด แต่ส่วนหนึ่งก็ยังต้องการการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นจากภาครัฐ เพื่อร่วมกันยกระดับอุตสาหกรรมเหล็กไทยให้เป็น “อุตสาหกรรมพื้นฐาน” ที่ส่งเสริมภาคการผลิต และการก่อสร้างในประเทศไทยและแข่งขันได้ในเวทีโลก
ขณะที่ทิศทางของอุตสาหกรรมเหล็กในปี 2566 นั้น “นาวา จันทนสุรคน” ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) วิเคราะห์ว่า “ราคาสินค้าเหล็กในตลาดโลกปี 2565 ที่ขึ้นไปสูงในไตรมาส 2 ได้ปรับลงตั้งแต่ไตรมาส 3 น่าจะถึงจุดต่ำสุดในไตรมาสสี่นี้ จากนั้นราคาจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ ตามภาวะ เศรษฐกิจของโลกและแต่ละภูมิภาค”
อย่างไรก็ตาม ปี 2566 คาดว่าความต้องการใช้เหล็กของโลกจะเพิ่มขึ้นเพียง 1% เป็น 1,814.7 ล้านตัน โดยจีนซึ่งใช้ เหล็กมากที่สุดในโลก จะมีความต้องการใช้เหล็กทรงตัวที่ 914 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วน 50.4% ของทั้งโลก หรืออาจมีทิศทางบวก หากรัฐบาลจีนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ป้องกันโควิด
ในขณะที่บางภูมิภาคของโลก จะประสบปัญหาผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง ได้แก่ รัสเซีย ยูเครน และกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) ซึ่งความต้องการใช้เหล็กปีหน้าถดถอย ลงต่อเนื่องอีก 6.7% กลุ่มประเทศยุโรป ความต้องการใช้ลดลงต่อเนื่องอีก 1.3% ส่วนกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ จะมีความต้องการใช้เพิ่ม 3.9% เป็น 71.1 ล้านตัน และอาเซียนจะมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นราว 6% เป็น 81.4 ล้านตัน
สำหรับประเทศไทย ความต้องการใช้เหล็กปี 2566 น่าจะฟื้นตัวใกล้เคียงกับปี 2564 ราว 18.6 ล้านตัน เนื่องจากผลเชิงบวกทางธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่ดีขึ้น รวมทั้งการก่อสร้างภาครัฐที่ยังเดินหน้าต่อเนื่อง จากงบลงทุนกว่า 400,000 ล้านบาท ในงบประมาณปี 2566 แม้การก่อสร้างภาคเอกชนอาจยังเผชิญปัญหาสืบเนื่องจากภาวะอัตราดอกเบี้ยสูง ซึ่งทำให้ต้นทุนการก่อสร้างสูง
แหล่งที่มา : Thairath
อ่านต่อได้ที่ https://www.thairath.co.th/
โดย khwankaew | ธ.ค. 21, 2022 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงตุลาคม 2022 การนำเข้าเหล็กกล้าไร้สนิมของจีน มีจำนวนทั้งสิ้น 2.7566 ล้านตัน และส่งออกทั้งสิ้น 3.7599 ล้านตัน
ในเดือนตุลาคม 2022 การนำเข้าเหล็กกล้าไร้สนิมทั้งหมดของจีนอยู่ที่ 310,900 ตัน เพิ่มขึ้น 38,700 ตัน หรือ 14.23% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 48,600 ตัน มีอัตราการเติบโต 18.53%
ตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2022 การนำเข้าเหล็กกล้าไร้สนิมทั้งหมดของจีนอยู่ที่ 2.7566 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 337,400 ตัน โดยมีอัตราการเติบโตที่ 13.95% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน
ในเดือนตุลาคม 2022 การนำเข้าเหล็กกล้าไร้สนิมทั้งหมดของจีนจากอินโดนีเซียอยู่ที่ 272,000 ตัน เพิ่มขึ้น 37,200 ตัน โดยเพิ่มขึ้น 15.84% เทียบจากเดือนก่อน และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 57,600 ตัน ขยายตัว 26.87%
ตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2022 จีนนำเข้าเหล็กกล้าไร้สนิมจากอินโดนีเซียทั้งหมด 2.3384 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 501,700 ตัน หรือ 27.32% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในเดือนตุลาคม 2022 การส่งออกเหล็กกล้าไร้สนิมของจีนจะอยู่ที่ 295,800 ตัน เพิ่มขึ้น 14,900 ตันหรือ 5.31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนก่อน และลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 22,200 ตัน หรือ 6.99%
ตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2022 ปริมาณการส่งออกเหล็กกล้าไร้สนิมทั้งหมดของจีน สูงถึง 3.7599 ล้านตัน โดยเพิ่มขึ้น 136,100 ตันหรือ 3.75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในเดือนตุลาคม 2022 การนำเข้าเหล็กกล้าไร้สนิมสุทธิของจีนอยู่ที่ 15,100 ตัน
ตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2022 ยอดส่งออกเหล็กกล้าไร้สนิมสุทธิของจีนอยู่ที่ 1.0033 ล้านตัน ลดลง 20.14 ล้านตัน หรือ 16.72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
แหล่งที่มา : Steelhome, CISA
โดย khwankaew | ธ.ค. 8, 2022 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
ในวันที่ 6 ธันวาคม ราคาเหล็กเส้น (rebar) ในเอเชียผันผวน โดยราคาในตลาด seaborne แยกออกจากตลาดในจีนโดยที่เป็นการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ เนื่องจากราคาบ่งชี้การซื้อต่ำกว่าระดับข้อเสนอขายที่เพิ่มขึ้นในสิงคโปร์
ทราบมาว่ามีการเสนอขายเหล็กเส้นของมาเลเซียที่ราคา $575/ตัน CFR สิงคโปร์ ในขณะที่ผู้ค้ารายหนึ่งได้เสนอขายเหล็กเส้นจากแหล่งกำเนิดเดียวกันที่ราคา $570/ตัน FOB มาเลเซีย แต่ความต้องการนั้นเงียบเกินกว่าที่จะมีการสรุปข้อตกลงซื้อขายใด ๆ
“โรงงานกำลังผลักดันราคาให้สูงขึ้น แต่ข้อบ่งชี้ในการซื้อยังห่างไกลจากราคาเสนอขาย” แหล่งข่าวในสิงคโปร์กล่าว พร้อมเสริมว่าพวกเขาจะซื้อในราคา $550-$555 CFR สิงคโปร์ เท่านั้น
อุปสงค์ในสิงคโปร์ถูกระงับท่ามกลางสภาพอากาศที่ฝนตก และเน้นไปที่มาตรการความปลอดภัยที่ไซต์การผลิตและการก่อสร้าง “เราไม่ได้ซื้อสต็อกเพิ่มเนื่องจากฝนตกทุกวัน แต่ก็ไม่เป็นจริงเช่นกันที่คาดว่าจะซื้อที่ราคา 555-$560/ตัน CFR เนื่องจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น ผู้ค้าในสิงคโปร์กล่าว
ระดับการซื้อขายในฮ่องกงสำหรับการขนส่งสินค้าในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น $10/ตัน จากวันก่อน มีราคาที่ $575/ตัน CFR ฮ่องกง โดยอ้างถึงความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการ COVID-19 ของจีนที่ผ่อนคลายลง แหล่งข่าวยังอ้างถึงโครงการก่อสร้างที่ล่าช้าไปจนถึงช่วงหลังตรุษจีน ซึ่งส่งผลให้ความต้องการเหล็กเส้นในเดือนมกราคมถูกย้ายไปยังเดือนกุมภาพันธ์
Platts ประเมินราคาเหล็กเส้น BS4449 Grade 500 ขนาด 16-32 มม. ที่ $568/ตัน CFR เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ราคาไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับส่งออกเหล็กเส้นเกรด BS500B ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 16-20 มม. ของจีน ได้รับการประเมินที่ $556 /ตัน FOB ของจีน ซึ่งราคาไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเหล็กเส้นของจีนขยับขึ้นภายในวัน โดยสัญญาเหล็กเส้นที่มีการซื้อขายมากที่สุดในเดือนพฤษภาคม 2023 ในตลาด Shanghai Futures Exchange ปิดที่ 3,808 หยวน/ตัน ($544/ตัน) ในวันที่ 6 ธ.ค. เพิ่มขึ้น 4 หยวน/ตัน ในช่วงเวลาดังกล่าว
ราคาสปอตของเหล็กเส้นในประเทศปักกิ่ง HRB400 ขนาด 18-25 มม. ได้รับการประเมินที่ราคา 3,835 หยวน/ตัน ex-stock ตามน้ำหนักจริงที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 13% ราคาเพิ่มขึ้น 21 หยวน/ตัน ในวันที่ 6 ธันวาคม
ในขณะเดียวกัน ในตลาดบิลเล็ต โรงงานรายใหญ่ของอินโดนีเซียได้เพิ่มระดับข้อเสนอขายสำหรับบิลเล็ต 3SP ขนาด 150 มม. ขึ้น $5/ตัน เป็น $520/ตัน FOB อินโดนีเซีย และเป็นราคาที่ $540/ตัน CFR มะนิลา
ได้ยินว่าบิลเล็ตขนาด 5SP ขนาด 130 มม. จากเตา blast furnace ของเวียดนาม ถูกเสนอขายในราคา $510/ตัน FOB เวียดนาม ปรับเป็นราคาที่ $540-$545/ตัน CFR มะนิลา แหล่งข่าวของโรงงานระบุว่า “ราคาเหล็กบิลเล็ตและเหล็กเส้นพุ่งสูงขึ้น
แหล่งข่าวโรงงานในฟิลิปปินส์กล่าวว่า “ได้ยินว่ามีการจองบิลเล็ตที่ราคา $525/ตัน และ $530/ตัน CFR มะนิลา…สินค้ารวม 40,000 ตัน” แต่ไม่ได้มีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะเวลาการจัดส่ง แหล่งกำเนิดของบิลเล็ต เกรด เส้นผ่านศูนย์กลาง หรือ วันที่ของข้อตกลง
“ลูกค้ารายใหญ่อาจยอมรับข้อเสนอที่ราคา $530/ตัน CFR มะนิลาที่” ผู้ค้ารายหนึ่งในภาคตะวันออกของจีนกล่าว
ราคาประเมินของบิลเล็ต ขนาด 5SP 130 มม. บนพื้นฐาน CFR เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังคงทรงตัวที่ $530/ตัน ในขณะเดียวกันราคาสปอตของการนำเข้าบิลเล็ต 3SP ขนาด 150 มม. ของจีนได้รับการประเมินที่ $451/ตัน CFR ประเทศจีน ราคาเพิ่มขึ้น $4 /ตัน จากวันก่อน ในขณะที่การประเมินของ Platts สำหรับบิลเล็ต Q235 เพิ่มขึ้น 30 หยวน/ตัน เป็น 3,690 หยวน/ตัน
แหล่งที่มา : S&P Global Commodity Insights
โดย khwankaew | ธ.ค. 6, 2022 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
วันที่ 5 ธ.ค. ความเชื่อมั่นของเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนในตลาดในเอเชียเป็นบวก ตามแนวโน้มจากสัปดาห์ก่อน เนื่องจากเงินหยวนของจีนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยผู้ซื้อในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไล่ตามอย่างช้าๆ
Platts ประเมิน HRC SS400 หนา 3 มม. ที่ราคา $550/ตัน FOB ประเทศจีน ราคาเพิ่มขึ้น $7/ตันจากวันก่อน คอยล์เกรดเดียวกันจัดส่ง CFR เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ราคาเพิ่มขึ้น $2/ตัน จากช่วงเวลาเดียวกันมีราคาที่ $544/ตัน
ผู้เข้าร่วมในตลาดเหล็ก ติดตามการประกาศของจีนที่เกี่ยวข้องกับกฎระเบียบของ COVID-19 ที่ผ่อนคลายในบางเมือง ซึ่งเป็นสัญญาณการผ่อนปรนเพิ่มเติมอาจตามมาในเร็วๆ นี้ หลังจากปิดเมืองอย่างเข้มข้นมากว่าสามปี บังคับกักตัวในสถานที่ส่วนกลางและตรวจคนนับล้าน ซึ่งทำให้เศรษฐกิจพังทลาย ด้วยความเชื่อมั่นเชิงบวกที่มีอยู่ โรงงานของจีนมีแนวโน้มที่จะส่งออกน้อยลงตามราคาที่เสนอขายในสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าการลดลงครั้งสุดท้าย ที่ Platts ประเมินราคา SS400 FOB ประเทศจีน คือเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน
“สินค้าคงคลังของจีนอยู่ในระดับต่ำ สำหรับระยะสั้น (ภายในช่วงสองสัปดาห์) โดยส่วนตัวแล้วฉันคิดว่า การขึ้นนั้นง่ายกว่าการลดลง แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับการส่งออก” ผู้ค้าในหางโจวกล่าว “ผู้ซื้อจากต่างประเทศไม่กระตือรือร้นที่จะไล่ตามเนื่องจากต้นทุน โรงงานในจีนจึงไม่เต็มใจที่จะลดข้อเสนอขายลง ซึ่งทำให้ยากต่อการจับคู่ราคาและมีข้อตกลงซื้อขาย
โรงงานเอกชนรายใหญ่ของจีนได้เพิ่มข้อเสนอขายรายสัปดาห์ขึ้น $20/ตัน โดยมีข้อเสนอขาย SS400 ที่ระดับ $570-$585/ตัน FOB
“การพุ่งสูงขึ้นของราคาสินค้าส่งออกนั้นรุนแรงเกินกว่าที่ผู้ซื้อรายใดจะยอมรับได้ พวกเขาต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการพิจารณาระดับราคานี้” ผู้ค้ารายหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนกล่าว
“ราคาที่เพิ่มขึ้น $20-$30/ตัน จากสัปดาห์ที่แล้ว สาเหตุหลักมาจากการแข็งค่าของเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น” ผู้ค้าภาคตะวันออกของจีนกล่าว
ขณะที่ตลาดซื้อขายล่วงหน้ามีความแข็งแกร่ง ในเซี่ยงไฮ้ ราคาสปอต HRC Q235 ขนาด 5.5 มม. ได้รับการประเมินที่ราคา 3,970 หยวน/ตัน ($571.09/ตัน) ex-stock ซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ราคาเพิ่มขึ้น 30 หยวน/ตัน จากวันก่อน ใน Shanghai Futures Exchange สัญญาที่มีการซื้อขายมากที่สุดในเดือนพฤษภาคม 2023 ปิดที่ 3,914 หยวน/ตัน
ในขณะที่ข้อเสนอขายส่วนใหญ่ของจีนที่เสนอให้เวียดนาม ราคาเพิ่มขึ้นและแตะที่ $570-$580/ตัน ผู้ซื้อจะต้องหาระดับราคาที่สมเหตุสมผลที่ $545-$550/ตัน แม้ว่าผู้เข้าร่วมตลาดจะมีความเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคตก็ตาม
“ตลาดไม่ค่อยดีนัก และมีสินค้าคงคลังจำนวนมากที่มีการจองราคาสูงก่อนหน้านี้” ผู้ค้าในเวียดนามกล่าว “หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อาจมียอดจองเล็กน้อยที่ระดับราคา $565/ตัน แต่น่าจะอยู่ในเดือนมกราคม”
“ความเชื่อมั่นดูเหมือนจะดีขึ้นในเวียดนามสองสามวันมานี้ เนื่องจากตลาดหุ้นพุ่งขึ้นมากกว่า 20%” เทรดเดอร์รายที่สองในเวียดนามกล่าว
“นี่เป็นเพียงอารมณ์อ่อนไหว ความต้องการยังคงอ่อนแอ และไม่มีแผนการที่เป็นรูปธรรมจากรัฐบาลในการกอบกู้เศรษฐกิจ” ผู้ค้ารายที่สามในเวียดนามกล่าว
นอกจากนี้ HRC SAE1006 ได้รับการประเมินที่ $552/ตัน FOB ประเทศจีน เพิ่มขึ้น $7/ตัน จากในวันก่อน การจัดส่งคอยล์เกรดเดียวกัน CFR เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับการประเมินที่ ราคา $547/ตัน เพิ่มขึ้น $2/ตัน ในช่วงเวลาเดียวกัน
ในเวียดนาม ผู้ซื้อรอคอยการเปิดตัวข้อเสนอขายใหม่สำหรับการจัดส่งในเดือนกุมภาพันธ์จากผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน อย่าง Formosa Ha Tinh Steel (FHS) ซึ่งน่าจะเป็นสัปดาห์หน้า ไม่มีข้อเสนอขายจากโรงงานในอินเดีย แม้ว่าผู้ค้าในมุมไบจะชี้ให้เห็นว่าโรงงานในอินเดีย “ต้องการที่ราคา $560/ตัน FOB เป็นระดับอย่างน้อย
“ตอนนี้ฉันอยากรู้เกี่ยวกับข้อเสนอขายจากอินเดีย เนื่องจากโรงงานของจีนดูเหมือนจะดุดันมากไปในการขึ้นราคา ในอีกด้านหนึ่งอุปสงค์ยังไม่ดีขึ้นมากนัก” ผู้ค้ารายหนึ่งในเวียดนามกล่าว
แหล่งที่มา : S&P Global Commodity Insights