โดย sutthikan | ธ.ค. 4, 2023 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
“เหล็กนอก” ยึดตลาดไทย 60% บริโภคหด-ราคาลด ควบรวมกิจการหนึ่งทางรอด
นายวิโรจน์ กล่าวว่า การบริโภคเหล็กของไทยในปี 2565 และ 2566 ค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจภายในและการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมเหล็กไทยลดลงทุกผลิตภัณฑ์ โดยในปี 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ 32% เมื่อเทียบกับ 36% ในปี 2565 เปรียบเทียบให้เห็นภาพคือ โรงงานเดินเครื่องผลิตเฉลี่ยเพียงวันละกะเดียวคือ 8 ชั่วโมง ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ลดตํ่าลงเมื่อเทียบกับปีก่อนเกิดโควิด ที่โรงงานเหล็กไทยยังใช้อัตราการผลิตเฉลี่ยอยู่ถึง 42% แต่ปัจจุบันหลือเพียง 32% โดยเฉลี่ย แต่สำหรับเหล็กบางประเภทลดตํ่าลงกว่าค่าเฉลี่ย อาทิ เหล็กแผ่นรีดร้อนลดลงจาก 30% เหลือเพียง 21% และโรงงานเหล็กลวดลดลงจาก 44% เหลือ 28%
“อัตราการใช้กำลังผลิตที่ลดลงเป็นผลจาก 2-3 ปัจจัย ได้แก่ การนำเข้าที่เพิ่มขึ้น และกำลังการผลิตที่เกินความต้องการ บวกกับในปีนี้ประเทศจีนมีปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ ทำให้การบริโภคเหล็กของจีนลดลง โรงงานจีนจึงส่งออกมากขึ้นมายังกลุ่มอาเซียน สำหรับประเทศไทยใน 9 เดือนของปีนี้ การบริโภคเหล็กของไทยลดลง 1% ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 3.7% ทำให้เราผลิตลดลง 8.2%”
ผู้บริโภคเหล็กในประเทศหด – ราคาลด
สำหรับมูลค่าอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศของไทยเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ไทยบริโภคเหล็กคิดเป็นมูลค่าประมาณปีละ 500,000 ล้านบาท แต่ในช่วงหลังเกิดโควิดการบริโภคลดลง ซึ่งหากเปรียบเทียบช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2566 ไทยบริโภคเหล็ก 12.55 ล้านตัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 12.67 ล้านตัน ถือว่าลดลง 1% อย่างไรก็ดีระดับราคาโดยเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์เหล็กที่ผู้ประกอบการไทยขายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ลดลง 10-20% เช่น ราคาเศษเหล็กลดลง 19.6%, เหล็กเส้นกลมลดลง 12.8%, เหล็กเส้นข้ออ้อยลดลง 12.5%, เหล็กแผ่นรีดร้อน ลดลง 18.3% และเหล็กแผ่นรีดเย็นราคาลดลง 17.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจลดลงในสัดส่วนเดียวกัน
เหล็กนอกยึดตลาด 60%
ขณะที่เหล็กนำเข้ามีส่วนแบ่งตลาดในประเทศอยู่ 60% และเหล็กผลิตในประเทศมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 40% เนื่องจากเหล็กนำเข้ามีราคาถูกกว่า โดยในระยะหลัง ๆ มานี้ในกลุ่มประเทศอาเซียน ประสบปัญหาการทุ่มตลาดของสินค้าจากประเทศจีน ซึ่งมีกำลังการผลิตมากเกินความต้องการ โดยเหล็กนำเข้า (สะสม 9 เดือน) ปี 2566 อยู่ในกลุ่มของเหล็กแผ่นรีดร้อน 2.86 ล้านตัน รองลงมาเป็นกลุ่มเหล็กแผ่นเคลือบชนิดต่าง ๆ 2.34 ล้านตัน กลุ่มเหล็กรีดเย็น 1.05 ล้านตัน และเหล็กลวดเกือบ 1 ล้านตัน
“เหล็กนำเข้า ช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ ตลาดหลักที่นำเข้ามา ได้แก่ จีน ปริมาณเพิ่มขึ้น +22.6% ญี่ปุ่น ปริมาณลดลง -4.9% เกาหลีใต้ ปริมาณลดลง -8.1% ไต้หวัน ปริมาณลดลง -25.3% เวียดนามปริมาณเพิ่มขึ้น +3.5% และอินโดนีเซีย ปริมาณเพิ่มขึ้น +35.9% ตามลำดับ (ดูกราฟิกประกอบ)”
ควบรวมกิจการหนึ่งทางรอด
ต่อคำถามที่ว่า เหล็กนำเข้าต้องผ่านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ มอก.ของไทยในทุกผลิตภัณฑ์หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ไทยมีมาตรฐานบังคับสำหรับผลิตภัณฑ์เหล็กทรงแบน และเหล็กทรงยาวในเวลานี้ 21 รายการซึ่งการที่ไทยมีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กช่วยให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและช่วยป้องกันไม่ให้เหล็กที่มีคุณภาพตํ่ามาขายในราคาถูกซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เช่น เหล็กก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงอาจจะเกิดปัญหาอาคารถล่มหรือเหล็กเคลือบที่มีการลดต้นทุนเคลือบมาบางผิดปกติทำให้เกิดสนิมได้ง่าย
อย่างไรก็ดีผู้อำนวยการสถาบันเหล็กฯกล่าวช่วงท้ายว่า ปัจจุบันหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน รวมถึงประเทศไทย ปกป้องการจ้างงานภายในประเทศ มีมาตรการปกป้องการทุ่มตลาด (เอดี) รวมถึงมีการสนับสนุนการใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และยังมีโอกาสในอนาคตที่จะใช้มาตรการต่าง ๆ ให้เข้มข้นมากขึ้น เช่น ส่งเสริมการใช้สินค้าไทยในโครงการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนต่าง ๆ อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูง การใช้มาตรการการหลบเลี่ยงเอดี หรือที่เรียกว่า Anti Circumvention เป็นต้น
นอกจากนี้การบริหารกำลังการผลิตให้สมดุลก็มีความสำคัญ อาทิ การส่งเสริมการควบรวมกิจการ และไม่สร้างโรงงานที่ซํ้าซ้อนกับสินค้าที่เกินความต้องการอยู่แล้ว เป็นต้น
แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ
โดย khwankaew | ส.ค. 7, 2023 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดฯ ต่ออายุเก็บภาษี AD เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน จากจีนและมาเลเซีย อีก 5 ปี ถึงปี 2571 เหตุหากยกเลิกเก็บ จะทำให้การทุ่มตลาดกลับมา และผู้ผลิตในประเทศเสียหายอีก
วันที่ 24 กรกฎาคม 2566 รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษาได้ออกประกาศ คณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการใช้บังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2542
กรณีสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่มีแหล่งกำเนิดจากจีนและมาเลเซีย โดยให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) เหล็กดังกล่าวจาก 2 ประเทศต่อไปในอัตราเดิม เป็นระยะเวลา 5 ปี รวมทั้งสิ้น 162 รายการ โดยสินค้าจากจีน ให้เรียกเก็บในอัตา 30.91% ของราคา CIF (ราคาสินค้ารวมค่าขนส่งและค่าประกันภัย) ส่วนมาเลเซีย เก็บที่ 23.57-42.51% เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. 2566-10 ก.ค. 2571
ทั้งนี้ สาเหตุที่คณะกรรมการทุ่มตลาดฯ ให้เรียกเก็บภาษีเอดีต่ออีก 5 ปี เนื่องจากพิจารณาแล้ว พบว่า การยุติการเรียกเก็บภาษี AD จะทำให้สินค้าดังกล่าวจาก 2 ประเทศ เข้ามาทุ่มตลาดในไทย (ขายสินค้าราคาต่ำกว่าราคาขายในประเทศผู้ผลิต) และอาจทำให้ผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันของไทยได้รับความเสียหายต่อไป หรือฟื้นคืนมาอีก
ดังนั้น การยกเว้นการเก็บ หรือเก็บในอัตรา 0% สำหรับการนำเข้าเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ ปริมาณรวมไม่เกิน 1,000 ตันต่อปี เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ ปริมาณรวมไม่เกิน 1,000 ตันต่อปีเช่นกัน รวมถึงการนำเข้ามาผลิตเพื่อส่งออกภายใต้กฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศ กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน และกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
สำหรับการเก็บภาษี AD ดังกล่าว ไทยเรียกเก็บกับสินค้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน จากจีนและมาเลเซีย มาตั้งแต่ปี 2554 และพิจารณาทบทวนความจำเป็นของการเก็บภาษีมาแล้ว 2 ครั้ง ในปี 2559 และปี 2565
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2566 คณะกรรมการทุ่มตลาดฯ ได้ต่ออายุการเก็บภาษีเอดีเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน จากบราซิล อิหร่าน และตุรกี เป็นเวลา 5 ปีจนถึงเดือน มิ.ย. 2571 เพราะการยุติการเรียกเก็บภาษี AD จะทำให้สินค้าดังกล่าว เข้ามาทุ่มตลาดในไทย และอาจทำให้ผู้ผลิตของไทยได้รับความเสียหายต่อไป หรือฟื้นคืนมาอีก โดยสินค้าจากบราซิลถูกเก็บภาษี 34.40% ของราคา CIF, อิหร่าน 7.25-38.27% และตุรกี 6.88-38.23% โดยเหล็กดังกล่าวใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมก่อสร้าง
แหล่งที่มา : ประชาชาติธุรกิจ
โดย khwankaew | ก.ค. 21, 2023 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
ไทยรับมือสินค้าเหล็กจากต่างประเทศไหลเข้าต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็ให้ความเป็นธรรมต่อผู้นำเข้าเหล็ก หากมีการนำเข้าตามกลไกของราคาปกติ ไม่มีการทุ่มตลาดหรืออุดหนุนด้านราคา
นายนพดล คันธมาศ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า คต. เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการปกป้องและรักษาผลประโยชน์ทางการค้าของไทยที่คำนึงถึงทุกภาคส่วน ซึ่งในส่วนของการหลบเลี่ยงมาตรการทางการค้า ไทยมีกฎหมายว่าด้วยการตอบโต้การหลบเลี่ยงมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (Anti – Circumvention : AC) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยที่ได้รับความเสียหายจากการหลบเลี่ยงมาตรการ และใช้ในการแก้ไขปัญหาการเลี่ยงการชำระอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti – Dumping : AD) และอากรตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty : CVD)
ข้อมูลสถิติจาก Worldsteel Association ได้รายงานว่า ในปี 2565 ประเทศที่มีการนำเข้าเหล็กสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ สหภาพยุโรป 48.1 ล้านตัน สหรัฐอเมริกา 28.9 ล้านตัน และ เยอรมัน 21 ล้านตัน สำหรับประเทศไทยมีการนำเข้าเหล็กในปริมาณ 13.4 ล้านตัน เป็นอันดับที่ 8 ของโลก สำหรับสถานการณ์การนำเข้าเหล็กของไทยในช่วงเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2566 ตามข้อมูลของ Global Trade atlas
พบว่าไทย มีปริมาณการนำเข้า 4.41 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 15.33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย 3 ประเทศหลักที่มีสัดส่วนการนำเข้าสูงสุด ได้แก่ จีน (42.76%) ญี่ปุ่น (37.31%) และ เกาหลีใต้ (12.15%) จากการนำเข้ารวมทั้งหมด สำหรับประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าเหล็กรายใหญ่ของโลก ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 จีนมีการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ รวมทั้งสิ้น 29.7 ล้านตัน โดย 5 ประเทศแรกที่จีนมีการส่งออกมากที่สุด ได้แก่ เกาหลีใต้ 3 ล้านตัน (10.10%) เวียดนาม 2.7 ล้านตัน (9.26%) ตุรกี 2.2 ล้านตัน (7.35%) ไทย 1.8 ล้านตัน (6.28%) และ สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ 1.3 ล้านตัน (4.54%) ของการส่งออกรวมทั้งหมด
ทั้งนี้สนับสนุนการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่ดำเนินการอย่างถูกต้องตามระเบียบหรือข้อตกลงทางการค้า เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคให้ได้ของมีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม และปกป้องและรักษาผลประโยชน์ทางการค้า จะกำกับและดูแลให้มีการแข่งขันทางการค้าอย่างเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย อย่างไรก็ดี หากผู้ประกอบการมีข้อกังวล หรือได้รับผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเกิดจากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยอาจเป็นการทุ่มตลาดหรือมีการหลบเลี่ยงมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด สามารถขอคำปรึกษาเกี่ยวกับข้อกำหนดในการยื่นคำขอให้ คต. เปิดไต่สวนมาตรการ AD หรือ AC เพิ่มเติมได้
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการไต่สวนเพื่อกำหนดใช้มาตรการ AD หรือ AC เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนตามที่ พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฯ กำหนด ซึ่งเป็นกระบวนการที่โปร่งใส รับฟังข้อมูลข้อคิดเห็นจากทุกฝ่าย และข้อมูลที่นำมาใช้พิจารณามีการตรวจสอบความถูกต้องอย่างละเอียดรอบคอบ สำหรับในขั้นตอนการเปิดไต่สวนนั้น เมื่อคต. ได้ตรวจสอบข้อมูลคำขอของผู้ยื่นคำขอแล้วพบว่าครบถ้วนถูกต้อง คต. จะนำเสนอข้อมูลดังกล่าวต่อคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาด (ทตอ.) เพื่อพิจารณาเปิดไต่สวนต่อไป ดังนั้นจึงขอให้ภาคเอกชนและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายให้ความเชื่อมั่นในการกระบวนการไต่สวนและการดำเนินการกรม
แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ
โดย khwankaew | พ.ค. 25, 2023 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
สถานการณ์รายสัปดาห์ตลาดเหล็กของจีน ช่วง15-18 พ.ค. 2023

เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เหล็ก: ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดีในสัปดาห์ที่ผ่านมา (15-18 พ.ค. 23) ราคาเหล็กในประเทศโดยรวมเพิ่มขึ้น ราคาเหล็กก่อสร้าง (construction steel) เพิ่มขึ้น 50-90 หยวน/ตัน ราคาเหล็กแผ่นหนา (plate) เพิ่มขึ้น 10-50 หยวน/ตัน ในตลาดส่วนใหญ่ ราคาของ HRC เพิ่มขึ้น 10-80 หยวน/ตัน และราคาของ CRC เพิ่มขึ้น 20-30 หยวน/ตัน ในบางตลาด
ในส่วนของเหล็กกล้าไร้สนิม (stainless steel) เกรด 304 ราคาลดลง 150-300 หยวน/ตัน เกรด 201 ราคาลดลง 50 หยวน/ตัน และเกรด 430 ราคายังคงทรงตัว
เกี่ยวกับสินค้าคงคลัง: ในสัปดาห์นี้ สินค้าคงคลังเหล็กภายในประเทศทั้งหมดอยู่ที่ 20.9581 ล้านตัน ลดลง 1.0118 ตัน เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว โดยสินค้าคงคลังในตลาดลดลง 484,800 ตัน และสินค้าคงคลังของโรงงานเหล็กลดลง 527,000 ตัน
เกี่ยวกับการผลิต: ในสัปดาห์นี้ อัตราการดำเนินงานเตา BF ของโรงงานเหล็กในประเทศอยู่ที่ 90.89% เพิ่มขึ้น 0.72% ในขณะที่อัตราการดำเนินงานของเตา EAF อยู่ที่ 55.44% ลดลง 2.72%
แหล่งที่มา : [SteelHome]
โดย khwankaew | พ.ค. 12, 2023 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
จีนนำเข้าแร่เหล็กเพิ่มขึ้นกว่า 5% ในเดือนเม.ย.

สำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยวันนี้ว่า จีนนำเข้าแร่เหล็กในปริมาณ 90.44 ล้านตันในเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ส่วนในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ จีนนำเข้าแร่เหล็กในปริมาณ 385 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 8.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี
โดยแร่เหล็กเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเหล็กกล้ารายงานของสำนักงานศุลกากรยังระบุว่า
การส่งออกเหล็กกล้าของจีนในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 59.2% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 7.93 ล้านตัน ส่วนในช่วงเดือนม.ค.-เม.ย.
จีนส่งออกเหล็กกล้าในปริมาณ 28.01 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ที่มา : ryt9
โดย khwankaew | เม.ย. 20, 2023 | ข่าวอุตสาหกรรมเหล็ก
การผลิตเหล็กของจีนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากเหล็กทรงยาวเป็นเหล็กทรงแบน ด้วยโรงงานเหล็กรีดร้อน (Hot Strip Mills) ที่มีจำนวนมากขึ้น เนื่องจากการรณรงค์แลกเปลี่ยนกำลังการผลิตเหล็กที่แข็งแกร่งของประเทศ (capacity swap campaign) นอกจากนี้ประเทศจีนกำลังค่อยๆ เปลี่ยนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยอสังหาริมทรัพย์ไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการผลิต ซึ่งการผลิตเหล็กทรงแบนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ผู้เข้าร่วมตลาดกล่าว
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตเหล็กกล้าคาร์บอนรีดร้อนชนิดม้วน (hot-rolled carbon steel coil : HRC) และผลผลิต ได้ส่งผลกระทบต่อราคาเหล็กและอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2023 เนื่องจากความต้องการใช้เหล็กในภาคการผลิตยังคงฟื้นตัวช้า สาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และอุปสงค์จากต่างประเทศสำหรับสินค้าเหล็กที่หดตัว
กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น
จีนมีโรงงาน hot strip ใหม่ ประมาณ 8 แห่ง ได้เริ่มดำเนินการในปี 2022 ด้วยกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน (HRC) รวมกันประมาณ 24 ล้านตันต่อปี ตามการคำนวณของ S&P Global Commodity Insights ตามประกาศอย่างเป็นทางการและแหล่งข่าวในตลาด
ในปี 2023 มีแผนจะเดินเครื่องโรงงาน hot strip อีก 15 แห่ง โดยมีกำลังการผลิตรวมกันเป็น 37 ล้านตัน/ปี
โรงงาน Hot Strip ใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในปี 2022-2023 จะมีช่วงความกว้างของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ 1,450 มม. ถึง 2,250 มม.
ผู้ผลิตเหล็กบางรายที่สร้างโรง hot strip คือผู้ผลิตเหล็กทรงยาวที่มีเป้าหมายเพื่อขยายธุรกิจในตลาดเหล็กทรงแบน บางรายเป็นผู้ผลิตเหล็กทรงแบนหรือเหล็กแผ่นหน้าแคบอยู่แล้ว และกำลังมองหาการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนที่หน้ากว้างขึ้นและเป็นผลิตภัณฑ์ที่ higher-end ขึ้น เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้มากขึ้นและได้รับอัตรากำไรที่สูงขึ้น
ผู้ผลิตเหล็กส่วนใหญ่ที่วางแผนสร้างโรงงานใหม่ ซึ่งได้สร้างโรงงานเหล็กและเหล็กดิบ (Iron and crude steel) แห่งใหม่ด้วยเช่นกัน ด้วยโควตากำลังการผลิตที่ซื้อจากโรงงานอื่น ผ่านกลไกการแลกเปลี่ยนกำลังการผลิตของจีน (China’s capacity swap mechanism)
กำลังการผลิตเหล็กดิบของจีนยังคงเติบโตเล็กน้อยในปี 2023 ซึ่งมีแนวโน้มที่จะกระตุ้นการเติบโตของผลผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนในปีนี้
แหล่งที่มา : S&P Global Commodity Insights.